คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นลูกจ้างบริษัท ย. ที่สหรัฐอเมริกาบริษัทดังกล่าวไม่มีสาขาหรือสำนักงานในประเทศไทยและเป็นนิติบุคคลต่างหากจากบริษัทจำเลยเดิมบริษัท ย.ให้โจทก์ไปปฏิบัติงานให้แก่บริษัทฟ. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเช่นเดียวกับบริษัทจำเลยที่ประเทศฟิลิปปินส์ต่อมาบริษัทย. ได้ย้ายโจทก์จากประเทศฟิลิปปินส์มาทำงานให้แก่บริษัทจำเลยในประเทศไทย โดยโจทก์ได้รับค่าจ้างโดยตรงจากบริษัทย.ตลอดมา.แม้บริษัทย. จะเป็นผู้ถือหุ้น 100เปอร์เซ็นต์ของบริษัทจำเลยก็ตาม แต่ก็เป็นนิติบุคคลต่างหากจากกันและแม้โจทก์จะทำงานให้แก่บริษัทจำเลยและมีเอกสารหลักฐานเช่นรายการเสียภาษีเงินได้คำรับรองของบริษัทจำเลยที่ยื่นต่อกรมแรงงานว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย ก็ไม่ทำให้ฐานะของโจทก์ที่เป็นลูกจ้างบริษัทย. เปลี่ยนแปลงไปได้โจทก์จึงมิใช่ลูกจ้างของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช้ลูกจ้างจำเลย

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทยูเนียนออยล์คัมปานี ออฟแคลิฟอร์เนีย ที่สหรัฐอเมริกา บริษัทดังกล่าวไม่มีสาขาหรือสำนักงานในประเทศไทย และเป็นนิติบุคคลต่างหากจากบริษั่จำเลย แต่เดิมบริษัทนายจ้างของโจทก์ให้โจทก์ไปปฏิบัติงานให้แก่บริษัทฟิลิปปีนส์ จี ไอเทอร์มอล อินคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ที่ประเทศฟิลิปปีนส์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเช่นเดียวกับบริษัทจำเลย ต่อมาบริษัทนายจ้างของโจทก์ได้ย้ายโจทก์จากประเทศฟิลิปปีนส์มาทำงานให้แก่บริษัทจำเลยในประเทศไทยโจทก์ได้รับค่าจ้างโดยตรงจากบริษัทแม่ที่แคลิฟอร์เนียตลอดมา แม้บริษัทดังกล่าวจะเป็นผู้ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ของบริษัทจำเลยก็ตาม แต่ก็เป็นนิติบุคคลต่างหากจากกันถือไม่ได้ว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้จ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ การที่โจทก์ทำงานให้แก่บริษัทจำเลยและมีเอกสารหลักฐานเช่นรายการเสียภาษีเงินได้ คำรับรองของจำเลยที่ยื่นต่อกรมแรงงานว่าโจทก์เป็นลูกจ้าง ก็ไม่ทำให้ฐานะอันแท้จริงที่โจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัทยูเนียนออยล์ คัมปานี ออกแคลิฟอร์เนีย แล้วถูกบริษัทดังกล่าวให้มาทำงานให้แก่บริษัทจำเลยเปลี่ยนแปลงไป โจทก์มิใช่ลูกจ้างจำเลย

พิพากษายืน

Share