แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การประพฤติปฏิบัติของ อ. ซึ่งได้รับมอบจากจำเลยที่ 1 นำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไปมอบให้บริษัทโจทก์ที่ 2 ขายทอดตลาดเมื่อโจทก์ที่ 2 รับโฉนดแล้วได้ติดต่อให้ อ. พาไปดูที่ดิน ต่อมา อ. ได้รับประกาศขายทอดตลาดแล้ว อ. และเจ้าหน้าที่ธนาคารจำเลยที่ 2 ได้ไปที่บริษัทโจทก์ที่ 2 ในวันขายทอดตลาดและร่วมปรึกษาหารือถึงการขายที่ดินและตกลงราคาขั้นต่ำให้ขาย ทั้งอยู่ด้วยในเวลาดำเนินการขายทอดตลาดจนเสร็จสิ้น ต้องถือว่าจำเลยที่1 มอบให้ อ. เป็นตัวแทนในเรื่องการขายทอดตลาด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๑ กับพวก ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งแดงที่ ๔๕๓๓/๒๕๐๘ ว่าให้จำเลยที่ ๑ มอบที่ดินโฉนดที่ ๒๘๘๔ ให้โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้ทำการขายทอดตลาดได้เงินเท่าใดจะต้องมอบให้จำเลยที่ ๒ เป็นการชำระหนี้จำนองงวดแรกเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยที่ ๑ ได้มอบอำนาจให้นายองุ่น สุวรรณมีระ ทนายความตัวแทนของจำเลยทำหนังสือมอบโฉนดที่ดินที่ ๒๘๘๔ พร้อมกับสำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความมอบให้โจทก์ที่ ๒ ดำเนินการขายทอดตลาด โจทก์ที่ ๒ ในฐานะตัวแทนจำเลย ได้จัดการขายทอดตลาดแล้ว โจทก์ที่ ๑ ประมูลสู้ราคาสูงสุดได้โจทก์ที่ ๒ แจ้งผลการขายทอดตลาดให้จำเลยทั้งสองทราบ และขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและรับเงินที่เหลือแต่จำเลยทั้งสองไม่จัดการ ขอให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนปลอดจำนองแล้วโอนที่ดินให้โจทก์ที่ ๑ ในราคา ๒๙๔,๙๐๐ บาท และให้จำเลยที่ ๒รับชำระหนี้ในยอดเงินค่าที่ดินที่โจทก์ที่ ๒ รับไว้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ ๑
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งแดงที่ ๔๕๓๓/๒๕๐๘ ไม่ผูกพันถึงโจทก์ทั้งสอง ในวันขายทอดตลาดจำเลยที่ ๑ ได้มอบอำนาจให้นายจุงกวง แซ่จู ไปพบโจทก์ที่ ๒ ว่า หากมีผู้เสนอราคาต่ำกว่าห้าแสนบาทให้ถอนการขายแล้วประกาศขายใหม่ โจทก์ที่ ๒ ขายที่ดินราคาเพียง๒๙๔,๙๐๐ บาท ซึ่งขัดคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ไม่ผูกพันจำเลยที่ ๑ นายองุ่นสุวรรณมีระ ทนายของจำเลยที่ ๑ มีหนังสือมอบโฉนดให้โจทก์ที่ ๒ ไปขายทอดตลาดนั้น ไม่ใช่ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ ๑ แต่กระทำในฐานะทนายในคดีดังกล่าวเท่านั้น
จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้คดี แต่ต่อมายื่นคำร้องว่า หากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ แพ้คดีจำเลยที่ ๒ พร้อมจะไปจดทะเบียนปลดจำนองเพื่อให้โจทก์ที่ ๑ รับโอนไปและพร้อมจะรับเงินตามฟ้อง จึงขอถอนคำให้การของจำเลยที่ ๒ และแถลงไม่ต่อสู้คดี ศาลอนุญาตให้ถอนคำให้การได้
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายองุ่นเป็นตัวแทนและตัวแทนเชิดของจำเลยที่ ๑ ในการขายทอดตลาด โจทก์ที่ ๒ ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยชอบแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนปลดจำนองแล้วโอนขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ที่ ๑ ในราคา ๒๔๙,๙๐๐ บาท ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษานี้เป็นการแสดงเจตนาแทนให้จำเลยที่ ๒ รับชำระหนี้ในยอดเงินนี้ ที่โจทก์ที่ ๒ ได้รับไว้จากการขายที่ดิน
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ ได้ขอให้นายองุ่นไปจัดการขอโฉนดจากธนาคารแล้วนำไปมอบให้บริษัทโจทก์ที่ ๒ แสดงอยู่แล้วว่าจำเลยที่ ๑มอบหมายให้นายองุ่นซึ่งเป็นทนายของตนจัดการเรื่องขายทอดตลาดที่ดินนี้ให้เรียบร้อย นายองุ่นยังปฏิบัติการอีกหลายอย่างคือโจทก์ที่ ๒ ตอบรับโฉนดแล้วขอให้นายองุ่นติดต่อพาไปดูที่ดินที่จะขายทอดตลาดต่อมานายองุ่นได้รับประกาศขายทอดตลาดแล้ว นายองุ่นกับนายจุงกวงและเจ้าหน้าที่ธนาคารจำเลยที่ ๒ ได้ไปที่บริษัทโจทก์ที่ ๒ ในวันขายทอดตลาดและร่วมปรึกษาหารือถึงการขายทอดตลาดตลอดจนเสร็จสิ้นการประพฤติปฏิบัติของนายองุ่นเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยที่ ๑ มอบหมายให้นายองุ่นเป็นตัวแทนของตนในเรื่องการขายทอดตลาด เมื่อนายองุ่นได้รับหนังสือแจ้งการโอนที่ดินจากโจทก์ที่ ๒ และเรื่องจำเลยที่ ๑, ๒ ไม่ไปโอนที่ดิน ขอให้นายองุ่นนัดวันโอน นายองุ่นไม่เคยโต้แย้งว่าไม่ใช่ตัวแทนจำเลยที่ ๑ กลับโทรศัพท์ไปบอกนายจุงกวงซึ่งเป็นญาติกับจำเลยที่ ๑ แต่นายจุงกวงว่าจำเลยที่ ๑ ไม่อยู่ แสดงว่านายองุ่นโทรศัพท์ถามถึงจำเลยที่ ๑ เพื่อจะแจ้งวันโอนที่ดินนั่นเอง จึงฟังได้อย่างแน่ชัดว่านายองุ่นเป็นตัวแทนจำเลยที่ ๑
พิพากษายืน