คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายขอให้บังคับให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างของผู้ขับรถชนผู้ตายตายใช้ค่าสินไหมทดแทน จำเลยให้การต่อสู้ด้วยว่า โจทก์มิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นภริยาของผู้ตายมา 36 ปีแล้วเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ต้องจดทะเบียนสมรส จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้คัดค้านข้อนี้ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะยกข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยใหม่ แล้วฟังว่ามีการสมรสกันมาเพียง 27 ปี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย และวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายลอย สมานไทย มีบุตรด้วยกัน 8 คน ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะของโจทก์กับผู้ตาย 3 คน คือนายสุธรรม นางสาวสำนวน และเด็กหญิงสมนึก จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน น.ม.00889 และจำเลยที่ 1 นำรถนี้ไปเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 2 นายโพธิ์นิมิตย์กุล ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถคันนี้ตามทางการที่จ้างได้ขับโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนนายลอย สมานไทย ถึงแก่ความตายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องรับผิดใช้เงินค่าปลงศพและค่าที่โจทก์ขาดอุปการะเลี้ยงดู ขอให้ศาลบังคับให้

จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์มิใช่ภริยาและผู้เยาว์ทั้งสามก็มิใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายลอย รถยนต์คันที่ฟ้องไม่ใช่ของจำเลยแต่เป็นของนายโพธิ์ นิมิตย์กุล โดยจำเลยขายให้นายโพธิ์ไปแล้วนายโพธิ์นำรถไปเข้าร่วมเดินรถกับจำเลยที่ 2 แล้วไปเกิดเหตุเรื่องนี้การตายของนายลอยมิใช่เกิดเพราะความประมาทของนายโพธิ์ ค่าเสียหายสูงเกินไป

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ไม่รับรองว่าโจทก์และผู้เยาว์ทั้งสามเป็นภริยาและบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย รถยนต์คันที่ฟ้องไม่ใช่ของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมเดินรถในเส้นทางของจำเลยที่ 2 นายโพธิ์ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 จะได้ขับรถโดยประมาทหรือไม่ไม่รับรองค่าเสียหายมากเกินสมควร

ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายโดยได้แต่งงานกับผู้ตายมา 36 ปี แล้วอันเป็นเวลาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ซึ่งไม่จำต้องจดทะเบียนสมรส บุตรก็เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย นายโพธิ์ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นนายจ้างของนายโพธิ์ และรถคันเกิดเหตุยังไม่ได้เข้าร่วมกิจการกับจำเลยที่ 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าสินไหมทดแทน ยกฟ้องเกี่ยวกับตัวจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในการละเมิดรายนี้ และค่าเสียหายมากเกินไป

ศาลอุทธรณ์ยกข้อเท็จจริงขึ้นวินิจฉัยและฟังว่า โจทก์แต่งงานกับผู้ตายโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสเมื่อราว 27 ปีมานี้ คือหลังจากใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นสามีภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย บุตรผู้เยาว์จึงไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย โจทก์และบุตรไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายฐานขาดการอุปการะเลี้ยงดูไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นต่อไป พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์สมรสกับผู้ตายเมื่อ 36 ปีมาแล้ว อันเป็นเวลาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส การสมรสก็สมบูรณ์ บุตรผู้เยาว์ก็เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ต้องรับผิดในการที่ทำให้ผู้ตายตาย ข้อเท็จจริงที่ว่าสมรสกันมาถึง 36 ปีแล้วนี้จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้าน จึงเป็นอันยุติ ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยใหม่แล้วฟังว่ามีการสมรสกันเพียง 27 ปี ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์มิใช่ภริยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ตายและบุตรผู้เยาว์ที่โจทก์ฟ้องแทนมิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ต่อไป แล้วพิพากษาใหม่

Share