คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้ฉุดคร่าน้องสาวโจทก์ไปเป็นภรรยาและมาขอสมัคขมา โดยยอมใช้ค่าเสียหายหรือค่าล้างอายให้แก่โจทก์แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระให้จึงตกลงทำเป็นสัญญากู้เงินโจทก์โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเรียกให้ชำระเงิน ได้ความต่อไปว่า ในขณะฉุดคร่าน้องสาวโจทก์มีอายุเกิน 20 ปีแล้ว เช่นนี้ถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ปกครองน้องสาวตาม กฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลย แม้การสมัครขมาและการใช้ค่าเสียหายหรือล้างอายจะถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาอันเรื่องหน้าที่โดยศีลธรรม เมื่อยังไม่ได้ส่งมอบให้แก่กันเพียงแต่ทำสัญญากันไว้เท่านั้นไม่มีกฎหมายให้ฟ้องร้องบังคับกันได้ เว้นแต่เมื่อชำระให้แก่กันแล้วไม่มีสิทธิเรียกคืนได้ เรื่องเช่นนี้ปรับเข้าได้กับสัญญาให้ซึ่งตาม กฎหมายย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ฉุดคร่านางละม้ายน้องสาวโจทก์ไปเป็นภรรยาแล้วให้เฒ่าแก่มาพูดสมัคขมาและใช้ค่าเสียหาย โจทก์เรียกค่าเสียหายและค่าล้างอายจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 3,500 บาท จำเลยตกลงแต่ไม่มีเงินให้จึงทำสัญญารับใช้เงินจำนวนดังกล่าวลงวันที่ 20 ส.ค. 2494 ให้แก่โจทก์โดยเอาที่ดินเลขที่ 7973 ตำบลตัวตะพ่าน อ.วิเศษไชชาญ จ.อ่างทอง ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันและจำเลยที่ 2ได้เข้าทำหนังสือสัญญาค้ำประกันเงินรายนี้ต่อโจทก์โดยใช้แบบพิมพ์สัญญากู้เงินมาแทน ดังปรากฏตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลย ใช้เงิน 3,500 บาทตามฟ้อง พร้อมทั้งดอกเบี้ยให้โจทก์

จำเลยทั้งสองรับว่าได้ทำสัญญาให้โจทก์ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องจริง แต่ขอต่อสู้หลายประการ

คู่ความแถลงรับกันว่าขณะจำเลยที่ 1 ฉุดคร่านางละม้ายไปนั้นนางละม้ายอายุเกิน 20 แล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 3,500 บาทให้แก่โจทก์ถ้าไม่ใช่ให้จำเลยที่ 2 ใช้แทนจนครบ ส่วนดอกเบี้ยไม่บังคับให้

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อกฎหมายหลายประการตามที่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้

ศาลฎีกาตรวจปรึกษาแล้ว จริงอยู่คดีนี้จำเลยได้ตกลงทำสัญญายอมใช้เงินรายนี้ให้โจทก์เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ฉุดคร่านางละม้ายน้องสาวโจทก์ไป จำเลยที่ 1 มาสมัคขมาและยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แต่โจทก์ไม่ใช่ผู้ปกครองนางละม้ายตามกฎหมายโดยขณะนั้น นางละม้ายมีอายุเกินกว่า 20 ปีแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยผู้ทำการละเมิดฉุดคร่านางละม้ายได้ แม้การสมัคขมาและการใช้ค่าเสียหายหรือค่าล้างอายในกรณีเช่นนี้จะถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาอันเป็นเรื่องหน้าที่โดยศีลธรรม แต่เมื่อยังไม่ได้ส่งมอบชำระให้แก่กันเพียงแต่ทำสัญญากันไว้เป็นคดีนี้ไม่มีข้อกฎหมายให้ฟ้องร้องบังคับกันได้ เพียงแต่ว่าเมื่อชำระให้แก่กันแล้วไม่มีสิทธิเรียกคืนได้เท่านั้น เรื่องเช่นนี้ปรับเข้าได้กับสัญญาให้ซึ่งตามกฎหมายย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องเรียกเงินรายนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้ออื่นต่อไป ฎีกาจำเลยฟังขึ้น จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share