แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกมิให้ถูกบังคับในเรื่องที่ตนมิได้เป็นคู่ความและไม่มีโอกาสเข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานดังกล่าวซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีได้
แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่โจทก์มีอำนาจดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งทางราชการไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ใดได้ เจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ก็ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งสาม และเพิกถอนคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของนายปอด หมั่นดำ บิดานายสนั่นหมั่นดำ ได้ครอบครองทำประโยชน์มาประมาณ 40 ปีแล้ว จำเลยทั้งสามซื้อที่ดินพิพาทจากนายสนั่น และได้ครอบครองทำประโยชน์ต่อจากนายสนั่นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อปี2538 จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการไต่สวนแล้วเห็นว่าอยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะออกหนังสือแสดงสิทธิได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงแจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์คัดค้านว่าเป็นที่ดินคนละแปลงกันเจ้าพนักงานที่ดินไต่สวนแล้วมีความเห็นว่าที่ดินพิพาทเป็นแปลงเดียวกับที่ดินที่จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โจทก์ไม่มีอำนาจคัดค้านการออกหนังสือแสดงสิทธิของจำเลยทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน ให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งสามแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะประเด็นสุดท้าย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสามตามประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์แล้วว่า โจทก์จะขอให้ศาลพิพากษาบังคับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ให้ระงับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสามโดยมิได้ฟ้องผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า … คำพิพากษาหรือคำสั่งใด ๆ ให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง… เว้นแต่ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 145 วรรคสอง (1) และ (2)ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกมิให้ถูกบังคับในเรื่องที่ตนมิได้เป็นคู่ความและไม่มีโอกาสเข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์สาขานางรอง เป็นจำเลย โจทก์ก็ไม่อาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานดังกล่าวซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้ ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินโจทก์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น และมีผลผูกพันเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล และเมื่อศาลพิพากษาว่าการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยทั้งสามไม่ชอบเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรองต้องระงับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งสาม โจทก์จึงชอบที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งสามได้นั้น เหตุผลที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในฎีกาไม่สมเหตุสมผล เพราะถ้าข้อเท็จจริงได้ความว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินที่โจทก์มีอำนาจดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งทางราชการไม่อาจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ใดได้ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์สาขานางรอง ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์สาขานางรอง เป็นจำเลยต่อศาล โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจขอให้บังคับคดีแก่เจ้าพนักงานดังกล่าวได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกคำขอของโจทก์ที่ประสงค์ให้บังคับแก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีจึงชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ