คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ต่างฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายกัน ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายนายทหารเรือถูกนายเงินกับพวกยิงมีบาดเจ็บหลายแห่งถึงแก่ความตายฝ่ายนายเงินกับพวกไม่มีบาดเจ็บอย่างไรเลยที่เกิดเหตุเป็นที่สาธารณะตามพฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่ถือว่านายทหารเรือผู้นั้นประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามความในมาตรา 48 พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญฯ พ.ศ.2494 เพราะรูปเรื่องเหตุที่จะเกิดเนื่องจากการโต้เถียงท้าทายกันอันไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดของฝ่ายนายทหารเรือ ทำให้เกิดบันดาลโทสะขึ้นโดยปัจจุบัน ไม่ทันยั้งคิด ซึ่งย่อมอาจจะมีได้แก่สามัญชนทั่วๆ ไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาของเรือโทสวาสดิ์ ซึ่งถึงแก่กรรมโดยถูกนายเงินกับพวกยิง ก่อนตายเรือโทสวาสดิ์เป็นข้าราชการประจำสังกัดกองทัพเรือ ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน โจทก์เป็นทายาทแต่ผู้เดียวและโจทก์ได้ไปยื่นเรื่องราวขอรับบำนาญตกทอดรายนี้ตามระเบียบราชการแล้ว จำเลยไม่ยอมจ่ายให้ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยจ่ายบำนาญตกทอดดังกล่าวให้โจทก์

จำเลยให้การว่า การที่ไม่จ่ายบำนาญตกทอดให้แก่ทายาทเพราะข้อเท็จจริงได้ความตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2499 ว่า การที่ ร.ท.สวาสดิ์ถูกยิงตายนั้น โดย ร.ท.สวาสดิ์เป็นฝ่ายก่อเหตุพาลหาเรื่องขึ้นก่อน จึงได้เกิดการวิวาทต่อสู้ทำร้ายกันขึ้น และ ร.ท.สวาสดิ์ได้ถูกยิงตายในที่วิวาทนั้น การกระทำเช่นนี้ย่อมเป็นการผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง ซึ่งจำเลยเห็นว่าผู้ตายเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ต้องห้ามมิให้ทายาทได้รับบำนาญตกทอดตาม พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494

ปัญหามีว่า ผู้ตายได้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตาม พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ ฯ พ.ศ. 2494 หรือไม่

ศาลแพ่งฟังว่า เป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกันโดย ร.ท.สวาสดิ์ เป็นผู้ก่อเหตุก่อนแล้ว ร.ท.สวาสดิ์ได้ถูกยิงพร้อมกับ พ.ท.นพ พี่ชายโดยฝ่ายนายเงินไม่มีบาดเจ็บเลย ศาลแพ่งเห็นว่าการกระทำของร.ท.สวาสดิ์ผู้ตายถือได้ว่าประพฤติชั่ว แต่ตามพฤติการณ์ยังไม่เข้าขั้นร้ายแรงตาม พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ ฯ พ.ศ. 2494 มาตรา 48 การที่จำเลยไม่จ่ายบำนาญตกทอดให้โจทก์จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ พิพากษาให้จำเลยจ่ายบำนาญตกทอดของเรือโทสวาสดิ์ที่ค้างจ่ายถึงวันฟ้อง 5,116.29 บาท แก่โจทก์ และจากวันฟ้องเป็นรายเดือน ๆ ละ 141 บาท แก่โจทก์จนตลอดชีวิตโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าเรือโทสวาสดิ์เป็นผู้ก่อการวิวาทขึ้น และที่เกิดยิงกันขึ้นก็ได้ความว่า ฝ่ายนายเงินได้ออกจากบ้านเที่ยวตามหา ร.ท.สวาสดิ์ ก่อนและมีอาวุธปืนด้วย ฝ่าย ร.ท.สวาสดิ์ออกมาทีหลังและปรากฏตามคำพิพากษาฎีกาเรื่องนั้นว่าได้ยิงกันที่ทางสาธารณะ ไม่ใช่ในสวนของนายเงิน สำหรับการสมัครใจวิวาททำร้ายกันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องทุจริตหรือข่มเหงกันข้างเดียวและอาจเกิดจากการท้าทายเหยียดหยามเป็นการเหลืออดเหลือทนก็ได้ จะเรียกว่าประพฤติชั่วไปเสียทีเดียวไม่ได้ พิพากษายืนในผลที่ให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างนั้น คงฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายกัน ซึ่งปรากฏว่าฝ่ายเรือโทสวาสดิ์ถูกนายเงินกับพวกยิงมีบาดเจ็บหลายแห่งถึงแก่ความตาย ฝ่ายนายเงินกับพวกไม่มีบาดเจ็บอย่างไรเลย และที่เกิดยิงนี้เป็นที่สาธารณะ ตามพฤติการณ์การกระทำของ ร.ท.สวาสดิ์ยังไม่พอให้ฟังว่า ร.ท.สวาสดิ์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามความในมาตรา 48 พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 เพราะรูปเรื่องเหตุที่จะเกิดคงเนื่องจากการโต้เถียงท้าทายกัน อันไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดของเรือโทสวาสดิ์ ทำให้เกิดบันดาลโทสะขึ้นโดยปัจจุบัน ไม่ทันยั้งคิดซึ่งย่อมอาจมีได้แก่สามัญชนทั่ว ๆ ไป

พิพากษายืน

Share