คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่บุตรเขยจำเลยให้รื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาท ซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์บุตรเขยจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาทบุตรเขยจำเลยร้องสอดเข้าต่อสู้คดีร่วมกับจำเลย ดังนี้คดีระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะจำเลยในคดีนี้มิใช่คู่ความเดียวกันกับคู่ความในคดีก่อนการที่บุตรเขยจำเลยร้องสอดเข้ามาในคดีด้วยความสมัครใจเองไม่ทำให้ฟ้องระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นฟ้องซ้ำส่วนคดีระหว่างโจทก์กับผู้ร้องสอด ไม่ว่าบุตรเขยจำเลยจะมีอำนาจร้องสอดหรือไม่ คำพิพากษาคดีก่อนจะผูกพันโจทก์กับผู้ร้องสอดเพียงใดหรือไม่และคดีระหว่างโจทก์กับผู้ร้องสอดจะเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ศาลก็ย่อมพิจารณาพิพากษาคดีนี้ต่อไปได้โดยไม่จำต้องแยกวินิจฉัยคดีระหว่างโจทก์กับผู้ร้องสอดก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ สองสามีภริยาเป็นเจ้าของที่ดิน เนื้อที่ 200 ตารางวา โดยการครอบครอง ที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตโฉนดของนายสมหมาย นายสมหมายได้ประนีประนอมยอมความกับโจทก์ในศาล ยอมให้ที่ดินนั้นเป็นของโจทก์ ครั้นโจทก์นำเจ้าพนักงานรังวัดเพื่อแบ่งแยกนายโถม น้อยสินธ์บุตรเขย จำเลยกลับคัดค้านและจำเลยซึ่งอาศัยโจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ 20 ตารางวา ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์ จึงขอให้ขับไล่จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปและให้ใช้ค่าเสียหาย

นายโถม น้อยสินธ์ ยื่นคำร้องสอดขอเข้าต่อสู้คดีร่วมกับจำเลยศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยและผู้ร้องสอดต่อสู้ทำนองเดียวกันว่าที่ดินที่จำเลยครอบครองเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวาจะอยู่ในเขตโฉนดหรือไม่ ไม่รับรอง จำเลยครอบครองโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมา 6-7 ปี แล้วมอบให้นายวิเชียรครอบครองต่อมา 50 ตารางวา และมอบให้ผู้ร้องสอดกับนางเติบภริยาซึ่งเป็นบุตรเขยบุตรสาว50 ตารางวา และยกกระท่อมให้ด้วย ผู้ร้องสอดได้รื้อกระท่อมปลูกเรือนใหม่และครอบครองที่ดินต่อมาจนถึงบัดนี้ได้ 7 ปี รวมจำเลยและผู้ร้องสอดครอบครองเป็นเวลากว่าสิบปี จึงได้กรรมสิทธิ์ผู้ร้องสอดไม่ใช่บริวารจำเลย อนึ่งโจทก์ฟ้องผู้ร้องสอดในข้อหาเดียวกัน อาศัยข้อเท็จจริงเดียวกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ศาลจังหวัดนนทบุรียกฟ้องตามคดีแดงที่ 175/2509 ฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ

ศาลชั้นต้นนำสำนวนคดีแดงที่ 175/2509 มาประกอบการพิจารณาและสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าเป็นฟ้องซ้ำ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยคดีนี้กับจำเลยในคดีก่อน มิใช่บุคคลคนเดียวกัน ผู้ร้องสอดซึ่งเป็นจำเลยคดีก่อนมิได้ถูกฟ้องในคดีนี้ แต่สมัครใจร้องสอดเข้ามาเอง ทั้งประเด็นในคดีนี้ก็มิใช่ประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยในคดีก่อนโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกรณีจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้พิจารณาพิพากษาใหม่

จำเลยและผู้ร้องสอดฎีกา

คดีคงมีประเด็นที่จะวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่เท่านั้น

ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทคดีนี้โจทก์เคยฟ้องผู้ร้องสอดเป็นจำเลยต่อศาลชั้นต้นตามคดีแดงที่ 175/2509 ขอให้บังคับผู้ร้องสอดรื้อถอนบ้านเรือนออกไป และห้ามขัดขวางการรังวัดแบ่งแยก โดยอ้างว่าที่ดินของโจทก์เนื้อที่ 200 ตารางวาอยู่ในโฉนดที่ 2320 ของนายสมหมาย โจทก์ได้มาโดยการประนีประนอมยอมความกับนายสมหมาย โจทก์นำเจ้าพนักงานไปรังวัดเพื่อแบ่งแยก ผู้ร้องสอดซึ่งอาศัยโจทก์ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ราว 20 ตารางวาได้คัดค้านผู้ร้องสอดซึ่งเป็นจำเลยในคดีนั้นต่อสู้ว่า ที่ดินที่ผู้ร้องสอดปลูกเรือนมีเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ไม่มีโฉนดและไม่อยู่ในเขตโฉนดที่โจทก์อ้าง ผู้ร้องสอดไม่ได้อาศัยโจทก์ ความจริงพ่อตาของผู้ร้องสอดครอบครองเป็นเจ้าของมา 7 ปีเศษ แล้วยกให้ผู้ร้องสอดครอบครองต่อมาอีก 7 ปีเศษ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในคดีนั้นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้ชัดแจ้งว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดหรือเป็นที่ว่างเปล่า การที่ภริยาโจทก์ไปแจ้งการครอบครอง แสดงว่าเป็นที่ว่างเปล่า สัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์กับนายสมหมายไม่ผูกพันบุคคลภายนอกซึ่งมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทแล้ว อีกประการหนึ่ง โจทก์กลับนำสืบว่านายถึกพ่อตาจำเลยเป็นผู้ขออาศัย และเรือนที่ปลูกอยู่ก็เป็นของนายถึกไม่ใช่ของจำเลย ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงต่างกับที่โจทก์บรรยายฟ้อง เมื่อโจทก์นำสืบฟังไม่ได้ตามข้อหา ก็ไม่มีเหตุจะบังคับให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาท พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด

ศาลฎีกาเห็นว่า นายถึกจำเลยมิได้เป็นคู่ความเดียวกันกับคู่ความในคดีแพ่งแดงที่ 175/2509 ของศาลชั้นต้น ฉะนั้นคดีระหว่างโจทก์กับนายถึกจำเลย จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 การที่นายโถมผู้ร้องสอด ร้องสอดเข้ามาในคดีด้วยความสมัครใจ หาทำให้ฟ้องระหว่างโจทก์กับนายถึกจำเลยเป็นฟ้องซ้ำไม่ ส่วนคดีระหว่างโจทก์กับนายโถมผู้ร้องสอดไม่ว่านายโถมจะมีอำนาจร้องสอดหรือไม่ก็ตาม คำพิพากษาคดีก่อนจะผูกพันโจทก์กับนายโถมเพียงใดหรือไม่ก็ตาม และคดีระหว่างโจทก์กับนายโถมผู้ร้องสอดจะเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ก็ตาม เพราะคดีระหว่างโจทก์กับนายถึกจำเลยไม่เป็นฟ้องซ้ำอยู่แล้ว อีกทั้งข้อเท็จจริงตามคำให้การของนายถึกจำเลยและคำร้องสอดของนายโถมก็เกี่ยวพันกันอยู่

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้พิจารณาพิพากษาใหม่ชอบแล้ว พิพากษายืน

Share