แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเป็นความผิดสำเร็จเมื่อมีไว้ในครอบครองการที่จำเลยซ่อนเฮโรอีนที่มีไว้ในครอบครองไว้ใต้พรมหลังที่นั่งคนขับรถยนต์ไม่ทำให้รถยนต์เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงไม่อาจริบรถยนต์ของกลางได้ แม้ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็หยิบยกเอาพฤติการณ์ในทางจำหน่ายยาเสพติดของจำเลยมาเป็นเหตุผลประกอบการใช้ดุลยพินิจไม่รอการลงโทษจำเลยได้มิใช่เป็นการหยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ยุติไปแล้วขึ้นมาวินิจฉัยใหม่
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน มี เฮโรอีน อันเป็น ยาเสพติดให้ โทษ ประเภท 1 ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย โดย ฝ่าฝืน ต่อ กฎหมายเจ้าพนักงาน จับ จำเลย ทั้ง สอง พร้อม เฮโรอีน และ รถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน น-5083 นนทบุรี ซึ่ง เป็น ยานพาหนะ ที่ ใช้ ซุกซ่อน ยาเสพติดเป็น ของกลาง ขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 และ ริบ รถยนต์กระบะ ของกลาง
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 ให้ จำคุก คน ละ2 ปี คำให้การ ชั้น จับกุม ของ จำเลย ที่ 1 และ ทางนำสืบ ของ จำเลย ที่ 2เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา คดี มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก คน ละ 1 ปี 4 เดือนริบของกลาง
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ข้อเท็จจริง ฟัง เป็น ยุติ ตาม คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ว่า เจ้าพนักงาน ตำรวจ ได้ ตรวจค้น รถยนต์ ของกลางที่ จำเลย ที่ 1 ขับ มา พบ เฮโรอีน จำนวน 0.50 กรัม บรรจุ อยู่ ใน หลอดพลาสติก ขนาด โต เท่า หัว แม่ มือ ยาว ประมาณ 1 นิ้ว ครึ่ง อยู่ ที่ พื้น รถยนต์ใต้ พรม ด้านหลัง ที่นั่ง คนขับ มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลยที่ 1 ใน ประการ แรก ว่า การ ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา ให้ริบ รถยนต์ของกลาง เป็น การ ชอบ ด้วย กฎหมาย หรือไม่ ใน ข้อ นี้ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 บัญญัติ ไว้ ว่า “บรรดา ยาเสพติดให้ โทษ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ หรือ วัตถุ อื่น ซึ่ง บุคคล ได้ใช้ ใน การกระทำ ความผิด เกี่ยวกับ ยาเสพติดให้โทษ อันเป็น ความผิด ให้ริบ เสีย ทั้งสิ้น ” เห็นว่า ความผิด ฐาน มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง เป็นความผิด สำเร็จ เมื่อ มีไว้ ใน ครอบครอง การ ที่ จำเลย ที่ 1 เพียงแต่ ซ่อนเฮโรอีน จำนวน 0.50 กรัม ที่ มีไว้ ใน ครอบครอง ไว้ ใต้ พรม หลัง ที่นั่งคนขับ ไม่ทำ ให้ รถยนต์ ของกลาง เป็น ทรัพย์ ที่ ใช้ ใน การกระทำ ความผิดจึง ไม่อาจ ริบ รถยนต์ ของกลาง ได้ ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา ให้ริบ รถยนต์ของกลาง ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา จำเลย ที่ 1 ข้อ นี้ ฟังขึ้น
ที่ จำเลย ที่ 1 ฎีกา ใน ประการ ต่อมา ว่าคดี นี้ ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง จำเลย ที่ 1 ใน ข้อหา มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่ายโจทก์ มิได้ อุทธรณ์ ข้อเท็จจริง ใน เรื่อง ดังกล่าว จึง ยุติ ตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 วินิจฉัย ว่า “จำเลย ที่ 1 มีพฤติการณ์ ใน การ จำหน่าย เฮโรอีน เพื่อ เผยแพร่ ออก สู่ ประชาชน ก่อ ให้ เกิดความ ไม่ สงบเรียบร้อย ใน สังคม ทำให้ เกิด อาชญากรรม และ เป็น อันตรายต่อ สุขภาพ ของ ผู้ เสพ เป็น อย่างยิ่ง รัฐ ต้อง เสียง บประมาณ แผ่นดิน ใน การปราบปราม ยาเสพติด เป็น จำนวน มาก เป็น การ ร้ายแรง ไม่สมควร ที่ จะ รอ การลงโทษ ” จึง เป็น การ ไม่ชอบ ด้วย กระบวนการ พิจารณา เนื่องจาก เป็น การ นำ เอาข้อเท็จจริง ที่ ยุติ ไป แล้ว ใน ศาลชั้นต้น ขึ้น มา วินิจฉัย นั้น เห็นว่าข้อ วินิจฉัย ของ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ดังกล่าว มิใช่ เป็น การ หยิบยก เอาข้อเท็จจริง ที่ ยุติ ไป แล้ว ขึ้น มา วินิจฉัย ใหม่ หาก แต่ เป็น เพียง เหตุผลที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 หยิบยก ขึ้น มา อ้าง ประกอบการ ใช้ ดุลพินิจ ไม่ รอ การลงโทษ ให้ จำเลย ที่ 1 เท่านั้น ฎีกา ของ จำเลย ที่ 1 ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า รถยนต์กระบะ ของกลาง ไม่ ริบ นอกจาก ที่ แก้ คงให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3