แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ ท.และ ส.ยืมเงินจากโจทก์ไปชำระให้แก่บุตรจำเลยเป็นค่าสมัครไปทำงานต่างประเทศ เมื่อ ท.และ ส.ไม่ได้ไปทำงานบุตรจำเลยจึงเป็นลูกหนี้ที่ต้องชำระเงินให้แก่ ท.และ ส.โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ของ ท.และ ส.เมื่อ ท.และ ส.มิได้โอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ บุตรจำเลยจึงไม่เป็นลูกหนี้โจทก์และไม่มีหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิดใช้แทนแต่อย่างใด การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากบุตรจำเลยเป็นจำเลยจึงเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นการที่จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์เพื่อชำระหนี้แทนบุตร จึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยต้องรับผิด โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้รายนี้มิได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าบุตรจำเลยกู้เงินโจทก์ไปแล้วไม่มีเงินชำระ จำเลยได้ตกลงใช้แทนโดยทำสัญญากู้ให้ไว้ หนี้ครบกำหนดแล้วจำเลยผิดนัด ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ที่ค้างพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า บุตรจำเลยจะกู้เงินโจทก์หรือไม่ไม่ทราบ จำเลยมิได้ทำสัญญากู้ หนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าหนี้บุตรจำเลย และโจทก์มิได้รับโอนสิทธิเรียกร้องหรือรับช่วงสิทธิมาแต่อย่างใด การที่โจทก์ให้บุตรจำเลยและจำเลยทำสัญญากู้จึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุที่จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์เนื่องจากนายสุรพงษ์บุตรจำเลยรับเงินค่าสมัครไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ จากนายทรัพย์และนายสงวน เงินจำนวนนี้คนทั้งสองยืมจากโจทก์ เมื่อไม่ได้ไปทำงาน โจทก์ทวงคืนจากนายสุรพงษ์ จำเลยตกลงชำระหนี้แทน ดังนี้ เมื่อนายสุรพงษ์ ผิดสัญญาไม่สามารถหางานให้นายทรัพย์และนายสงวนได้ นายสุรพงษ์จึงเป็นลูกหนี้ต้องชำระค่าสมัครคืนให้แก่นายทรัพย์และนายสงวนมิใช่โจทก์ โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้นายทรัพย์และนายสงวนทั้งนายทรัพย์และนายสงวนมิได้โอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ นายสุรพงษ์จึงไม่เป็นลูกหนี้โจทก์ และไม่มีหนี้ที่จำเลยจะเข้าไปรับผิดใช้แทนแต่ประการใด การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้เป็นจำเลยจึงเกิดขึ้นไม่ได้ การที่จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์จึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยต้องรับผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.