คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามกรมธรรม์ประกันภัยโจทก์ได้เอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลต่อการเสียชีวิตของบุคคลผู้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลย โดยมิได้ระบุตัวผู้รับประโยชน์ไว้ แม้จะเป็นการประกันชีวิตแบบหนึ่ง แต่ก็มิใช่กรณีที่ผู้ตายเอาประกันชีวิตตนเองจึงแสดงให้เห็นเจตนาของคู่สัญญาว่าประสงค์ที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้ตกได้แก่โจทก์ผู้เอาประกันภัยโดยตรง มิใช่เป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งแห่งกองมรดกของผู้ตาย ดังนั้นโจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อการเสียชีวิตของผู้ขับรถยนต์ของโจทก์ในขณะเกิดเหตุจากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1 ผ – 2276 กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์เพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์และเพื่อความเสียหายแก่ชีวิตของบุคคลผู้ขับหรือผู้โดยสารมากับรถยนต์ของโจทก์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 เวลาประมาณ 23 นาฬิกานายสุทธิลักษณ์ บรรเลงเสนาะ คนงานของโจทก์ขับรถยนต์กระบะของโจทก์มาจากอำเภอลี้โฉมหน้าไปทางจังหวัดลำพูน โดยมีโจทก์กับคนงานอีก 3 คน โดยสารมาด้วย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถยนต์บรรทุกสิบล้อแล่นสวนทางมาด้วยความเร็วสูงล้ำเข้ามาในช่องเดินรถของโจทก์ในลักษณะกะทันหันและกระชั้นชิด นายสุทธิลักษณ์จึงขับรถยนต์หลบ เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหลักตกถนนพลิกคว่ำทำให้นายสุทธิลักษณ์เสียชีวิต โจทก์และคนงานได้รับบาดเจ็บรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ได้แจ้งให้ฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุของจำเลยทราบแล้ว ต่อมาโจทก์ได้นำรถยนต์เข้าซ่อมแซมรวมเป็นเงิน 200,540 บาท จำเลยปฏิเสธความรับผิด จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยจึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความเสียหายของรถยนต์ของโจทก์ดังกล่าวกับค่าสินไหมทดแทนต่อการเสียชีวิตของนายสุทธิลักษณ์อีกเป็นเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินรวม 329,325 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 300,540 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ค่าสินไหมทดแทนต่อการเสียชีวิตของนายสุทธิลักษณ์นั้น โจทก์ไม่ใช่ทายาทตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1 ผ – 2276กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ไว้กับจำเลยตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.1 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 เวลาประมาณ 23 นาฬิกา นายสุทธิลักษณ์ บรรเลงเสนาะ ผู้ตายคนงานของโจทก์ขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยมีโจทก์กับคนงานอีก 3 คน นั่งไปด้วยจากอำเภอลี้มุ่งหน้าไปทางจังหวัดลำพูน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุผู้ตายขับรถยนต์หลบรถยนต์บรรทุกสิบล้อจนเป็นเหตุให้รถยนต์กระบะพลิกคว่ำตกถนน ผู้ตายถึงแก่ความตาย คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อการเสียชีวิตของผู้ตายจากจำเลยหรือไม่ เห็นว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.1 โจทก์ได้เอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลต่อการเสียชีวิตของบุคคลผู้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในวงเงิน 100,000 บาท โดยมิได้ระบุตัวผู้รับประโยชน์ไว้ แม้จะเป็นการประกันชีวิตแบบหนึ่งแต่ก็มิใช่กรณีที่ผู้ตายเอาประกันชีวิตตนเองไว้จึงแสดงให้เห็นเจตนาของคู่สัญญาว่าประสงค์ที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้ตกได้แก่โจทก์ผู้เอาประกันภัยโดยตรง หาใช่เป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งแห่งกองมรดกของผู้ตายไม่ ดังนั้นโจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อการเสียชีวิตของผู้ตายซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์ของโจทก์ในขณะเกิดเหตุจากจำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share