คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรค้นร้านโจทก์โดยเชื่อและสงสัยว่าม้วนวีดีโอเทปและเครื่องเล่นวีดีโอเทปของกลางเป็นสิ่งที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลบหนีภาษีศุลกากร จึงยึดของกลางดังกล่าวเพื่อพิสูจน์ความผิดของโจทก์และกรณีที่โจทก์ขอของกลางดังกล่าวคืน แต่ปรากฎว่าหลักฐานของโจทก์ขัดกับบันทึกการตรวจค้นและจับกุม จำเลยที่ 1 จึงไม่คืนให้ และสั่งดำเนินคดีแก่โจทก์ ดังนี้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2กระทำตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์แม้ว่าโจทก์จะมิได้กระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 กระทำการในหน้าที่แทนจำเลยที่ 1ได้กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เข้าทำการค้นร้านค้าโจทก์โดยทราบดีว่าร้านค้าโจทก์ไม่มีสินค้าหนีภาษี ผลการตรวจค้นไม่พบของผิดกฎหมาย แต่จำเลยที่ 2 ได้ยึดเครื่องเล่นวีดีโอเทป 1เครื่องและวีดีโอเทปซึ่งอัดภาพยนต์ต่าง ๆ จำนวน 430 ม้วนเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองคืนเครื่องเล่นวีดีโอเทป 1 เครื่อง และวีดีโอเทป 430 ม้วนแก่โจทก์หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองใช้ราคา 192,000 บาทแก่โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 172,000 บาท และใช้ค่าเสียหายวันละ500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าส่งมอบเครื่องเล่นวีดีโอเทปดังกล่าว หรือใช้ราคาครบถ้วนแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ได้ปฎิบัติหน้าที่โดยชอบ คำร้องที่โจทก์ขอคืนของกลางกับเอกสารที่โจทก์นำมาแสดงอ้างว่าได้มาโดยชอบนั้น ไม่ตรงกันจำเลยจึงยังไม่คืนของดังกล่าวแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก่เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองคืนเครื่องเล่นวีดีโอเทป 1 เครื่อง วีดีโอเทป 430 ม้วน หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 192,000 บาทแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 2 กับพวกตรวจค้นร้านค้าของโจทก์โดยมีสายลับมาแจ้งว่ามีม้วนวีดีโอเทปและเครื่องเล่นวีดีโอเทปลักลอบหนีภาษีศุลกากรซุกซ่อนอยู่ตามที่ปรากฎในใบแจ้งความนำจับเอกสารหมาย ป.ล.1 เมื่อตรวจค้นและจับกุมตามเอกสารหมาย ป.ล.2 แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รายงานการจับกุมตามรายงานการจับกุมของพนักงานศุลกากรเอกสารหมาย ป.ล.3 ประกอบกับโจทก์ไม่มีหลักฐานการซื้อขายม้วนวีดีโอเทป ไม่มีหลักฐานการชำระภาษี โจทก์เพียงแต่ชี้แจงว่าซื้อจากผู้ที่นำมาเร่ขาย โจทก์มีหลักฐานขอรวบรวมมาให้ทีหลัง จึงเป็นสาเหตุให้จำเลยที่ 2 เชื่อและสงสัยว่าม้วนวีดีโอเทปและเครื่องเล่นวีดีโอเทปของกลางเป็นสิ่งของที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลบหนีภาษีศุลกากร การที่จำเลยที่ 2 พูดว่าจับม้วนเทปมันให้หมดที่อยู่ในตู้โชว์ ก็เป็นการพูดแสดงว่าจำเลยที่ 2 ไม่เชื่อว่าโจทก์มีหลักฐานการซื้อขายม้วนวีดีโอเทปจริง จึงให้ยึดสิ่งของเหล่านั้นไปเพื่อพิสูจน์ความผิดของโจทก์การจับกุมจึงเกิดขึ้นโดยที่โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ในการตรวจค้นดังกล่าวก็มีพันเอกภานุวัฒน์ เพชรบุตร พันตำรวจโทเภา เลขสุนทรากร ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ร่วมตรวจค้นและจับกุมอยู่ด้วย จึงไม่มีเหตุน่าสงสัยว่าจำเลยที่ 2 จะกลั่นแกล้งจับกุมโจทก์ การบันทึกการจับกุมก็ทำที่บ้านโจทก์ โจทก์อ้างว่าบันทึกการตรวจค้นและจับกุมเอกสารหมาย ป.ล.2 รายการของกลางไม่ตรงต่อความจริง ซึ่งความจริงแล้วม้วนวีดีโอเทปของโจทก์อัดภาพยนต์ไทย จีนและฝรั่งพากย์ไทยไว้แต่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ ทำให้ไม่ตรงกับของกลางที่ตรวจนับภายหลังและรายงานกระบวนพิจารณาเดินเผชิญสืบของศาลชั้นต้นลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2526 ก็หาแสดงว่าจำเลยที่ 2จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายต่อทรัพย์สินโดยทุจริตไม่ จำเลยที่ 2 ได้ปฎิบัติตามขั้นตอนของกฏหมายและระมัดระวังพอสมควร การกระทำของจำเลยที่ 2จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ การที่โจทก์ขอของกลางคืนโดยแสดงหลักฐานการได้มาซึ่งสิ่งของที่จำเลยที่ 2 ยึดไว้เป็นของกลางต่อจำเลยที่ แต่ปรากฎว่าหลักฐานของโจทก์ขัดกับการบันทึกการตรวจค้นและจับกุมเอกสารหมาย ป.ล.2 จำเลยที่ 1 เห็นว่าส่อไปในทางทุจริต จึงไม่เชื่อว่าของกลางที่ยึดไว้เป็นของกลางที่ได้ชำระภาษีแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่คืนของกลางแก่โจทก์และสั่งดำเนินคดีกับโจทก์ตามพระราชบัญญัติศุลกากรนั้น จำเลยที่ 1กระทำโดยสุจริตตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แม้ว่าโจทก์จะไม่ได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรก็ตาม ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนเครื่องเล่นวีดีโอเทปและวีดีโอเทปของกลางเมื่อโจทก์แสดงหลักฐานการได้มาว่าเป็นของโจทก์โดยชอบจึงต้องคืนให้โจทก์ไป ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”
พิพากษายืน

Share