คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไปที่ระบุในฟ้องก็เป็นถิ่นที่อยู่แห่งหนึ่ง จึงเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายไปทำการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลให้แก่จำเลยที่บ้านที่ระบุในคำฟ้อง ถือได้ว่าได้ส่งหมายนั้น ๆให้แก่จำเลยโดยชอบ จำเลยรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รับหมายนัดสืบพยานโจทก์แล้วไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง และได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน แต่ยังส่งคำบังคับให้จำเลยไม่ได้
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า จำเลยมีภูมิลำเนาแห่งอื่นไม่ใช่ที่ระบุในฟ้อง จึงไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง
โจทก์ไม่แถลงคัดค้านคำขอของจำเลย
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่ ปัญหานี้แม้จำเลยจะมีสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ล.1 มาแสดงว่า ขณะที่จำเลยถูกโจทก์ฟ้อง จำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 535 แขวงถนนพญาไทเขตพญาไท กรุงเทพมหานครก็ตาม แต่โจทก์ก็ส่งอ้างนามบัตรเอกสารหมายจ.5 เป็นพยาน ในนามบัตรดังกล่าว นอกจากจะมีชื่อและตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยพิมพ์ไว้แล้ว ในนามบัตรยังพิมพ์บอกบ้านที่อยู่และสำนักงานของจำเลยไว้ด้วย ปรากกว่าบ้านเลขที่ 535 แขวงถนนพญาไทเขตพญาไท ที่จำเลยอ้างว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยนั้น ตามนามบัตรเป็นเพียงสำนักงานของจำเลยส่วนบ้านที่อยู่อาศัยจริง ๆ ตามนามบัตรคือบ้านเลขที่ 4/4 ซอยสหกรณ์ 4 ถนนสุขาภิบาล 2 เขตบางกะปิ ที่โจทก์ระบุในฟ้องนั่นเอง นอกจากนี้ตามนามบัตรได้ระบุหมายเลขโทรศัพท์สถานที่ราชการ โทรศัพท์ที่ใช้ในสำนักงานและที่บ้านทั้งสามแห่งโดยเฉพาะโทรศัพท์หมายเลข 3945211 จำเลยรับว่าเป็นโทรศัพท์ที่ที่ทำงานของจำเลย โทรศัพท์หมายเลข 2519090 จำเลยก็ว่าตรงกับหมายเลขโทรศัพท์ที่บ้านเลขที่ 535 แขวงถนนพญาไท เขตพญาไทซึ่งเป็นสำนักงานของจำเลย ไม่เชื่อว่าจะมีใครแกล้งพิมพ์นามบัตรนี้ไว้ใช้ นอกจากจำเลยพิมพ์ไว้ใช้เอง ได้ความว่า เมื่อวันที่ 6พฤศจิกายน 2526 พนักงานเดินหมายกรมบังคับคดีไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาในคำฟ้อง พบชายคนหนึ่งอยู่ในบ้าน วันที่ 22 มกราคม 2527 ไปส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ พบหญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้าน ไม่ยอมรับหมายไว้แทนจำเลยพนักงานเดินหมายได้ทำการปิดหมายไว้ทั้งสองครั้งก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแหน่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านเลขที่ 4/4ซอยสหกรณ์ 4 ถนนสุขาภิบาล 2 เขตบางกะปิ ที่ระบุในคำฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายไปทำการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง และปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาล จึงถือว่าได้ส่งหมายนั้น ๆ ให้แก่จำเลยโดยชอบ จำเลยรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้ว ไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดรับหมายนัดสืบพยานโจทก์แล้วไม่ไปศาลในวันสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้”.

Share