คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้จำนวนเงิน 2,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้ว่า เงินจำนวนที่ฟ้องเป็นเงินมัดจำที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลยตามสัญญาซื้อขาย เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยยอมถอนการจับจองที่ดินแล้วให้โจทก์เข้าจับจองแทนเงินมัดจำดังกล่าวได้ทำเป็นสัญญากู้กันไว้ ดังนี้ จะถือว่าจำเลยได้ให้การรับแล้วว่าได้กู้เงินโจทก์ดังที่กล่าวอ้างไม่ได้ โจทก์จึงยังมีหน้าที่นำสืบตามข้ออ้างของโจทก์อยู่
เอกสารสัญญากู้ที่โจทก์อ้างส่งศาลปรากฏว่ามิได้ปิดอากรแสตมป์ไว้ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 คดีจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าโจทก์มีเอกสารสัญญากู้หรือมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีลายมือชื่อจำเลยว่าเป็นผู้ยืมเงินโจทก์มาแสดง โจทก์ย่อมไม่อาจขอให้ศาลบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ได้
ประมวลรัษฎากรมาตรา 118 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการรับฟังพยานเอกสารเป็นการวางกฎเกณฑ์เพิ่มเติมขึ้นจากหลักทั่วไปที่มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลจึงมีหน้าที่ที่จะต้องวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานผิดแผกไปจากตัวบทกฎหมาย จำเลยก็ชอบที่จะยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้ เพราะจำเลยย่อมไม่อาจจะรู้ได้ล่วงหน้าจนกว่าจะได้รับทราบคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนับได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจบังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้จำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ตามฟ้อง ความจริงโจทก์ตกลงซื้อที่ดินที่จำเลยจับจองในราคา ๕,๐๐๐ บาท โดยตกลงกันว่าจำเลยจะถอนการจับจองเพื่อให้โจทก์เข้าจับจองแทน จทก์จ่ายเงินมัดจำให้จำเลยรับไว้ก่อน ๒,๐๐๐ บาท จำเลยได้ทำเป็นหนังสือสัญญากู้เงิน ๒,๐๐๐ บาทให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาโจทก์ไปยื่นคำร้องขอจับจองที่ดินและขอให้จำเลยถอนการจับจอง จำเลยขอให้โจทก์จ่ายเงินที่ค้างอยู่ ๓,๐๐๐ บาท ตามที่ตกลงกันโจทก์ไม่ยอมจ่าย จำเลยจึงริบเงินมัดจำ ๒,๐๐๐ บาท โจทก์ยินยอมให้ริบโดยไม่ติดใจจะเอาที่ดินที่จำเลยจับจองต่อไป สัญญากู้จึงเป็นอันระงับโจทก์จะนำมาฟ้องไม่ได้
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปตามสัญญากู้จริง พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๒,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องมิได้ปิดอากรแสตมป์จะใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ คดีนี้จำเลยไม่ได้ให้การรับว่ากู้เงินโจทก์โจทก์ยังมีหน้าที่ต้องนำสืบว่าจำเลยกู้เงิน และมีเอกสารเป็นหนังสือกู้ยืมประกอบข้ออ้าง เมื่อเอกสารสัญญากู้ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ ข้ออ้างของโจทก์ก็รับฟังไม่ได้ ประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยจึงยกขึ้นอ้างอิงได้ในชั้นอุทธรณ์ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ จำนวน ๒,๐๐๐ บาท จำเลยให้การสู้คดีเป็นใจความว่า เงิน ๒,๐๐๐ บาท ที่ฟ้องเป็นเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลยเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยยอมถอนการจับจองที่ดินแล้วให้โจทก์เข้าจับจองแทนเงินมัดจำดังกล่าวนั้นได้ตกลงทำเป็นสัญญากู้กันไว้ดังนี้จะฟังว่าจำเลยให้การรับแล้วว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้างไม่ได้ โจทก์จึงยังมีหน้าที่นำสืบตามข้ออ้างของโจทก์อยู่ ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรคแรก บัญญัติว่าการกู้ยืมเงินเกินกว่า ๕๐ บาทขึ้นไป ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญแล้วย่อมต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องบังคับคดีเอกสารสัญญากู้ยืมที่โจทก์อ้างส่งศาลนั้นปรากฏชัดว่ายังมิได้มีการปิดอากรแสตมป์ไว้เลยประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ บัญญัติว่า เอกสารใดที่ไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์จะใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ นี้ เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการรับฟังพยานเอกสารเป็นการวางกฎเกณฑ์เพิ่มเติมขึ้นจากหลักทั่วไปที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องวินิจฉัยรับฟังพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายและโดยเฉพาะจำเลยในคดีนี้ย่อมไม่อาจที่จะรู้ได้ล่วงหน้าว่าศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานให้ผิดแผกไปจากตัวบทกฎหมายจนกว่าจะได้รับทราบคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วเท่านั้น นับได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจบังคับได้ จำเลยจึงชอบที่จะยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้ ไม่ต้องห้ามตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๔/๒๕๐๙
เมื่อคดีไม่อาจรับฟังได้ว่า โจทก์มีเอกสารสัญญากู้หรือมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีลายมือชื่อจำเลยว่าเป็นผู้ยืมเงินโจทก์เป็นสำคัญมาแสดงแล้ว โจทก์ก็ย่อมไม่อาจที่จะขอให้ศาลบังคับคดีให้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ได้
พิพากษายืน

Share