แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หน้าที่ของจำเลยที่จะนำสืบตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ลอบลักหนีอากรขาเข้าขาออกหรือเป็นผู้สมรู้ ในการนั้นหรือหลีกเลี่ยงโดยเจตนาฉ้อด่านภาษี ถ้าหากว่าจำเลยซื้อของไว้จากพ่อค้าในตลาดโดยเปิดเผย แม้ของนั้นจะยังมิได้เสียภาษี จำเลยหาตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 100 ไม่ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบให้สมฟ้อง
ย่อยาว
คดีโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ทวิ พระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๔๘๒ มาตรา ๑๖,๑๗ พระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ.๒๔๔๙ มาตรา ๔ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ.๒๕๘๙ มาตร ๖,๗,๘,๙ ของกลางขอให้ริบ กับให้จำเลยจ่ายเงินสินบนกับเงินรางวัลแก่ผู้แจ้งความนำจับและเจ้าพนักงานผู้จับตามอัตราส่วนในกฎหมายและให้นับโทษติดต่อกับโทษของจำเลยในคดีดำที่ ๑๖๕/๒๕๐๖
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีรวมกับคดีหมายเลขดำที่ ๑๖๕/๒๕๐๖ ซึ่งจำเลยถูกฟ้องอีกคดีหนึ่ง หาว่าขนสินค้าเข้าไปในบริเวณพิเศษในเขตควบคุมศุลกากรโดยไม่รับอนุญาต โดยเฉพาะคดีนี้ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง ส่วนคดีหมายเลขดำที่ ๑๖๕/๒๕๐๖ เห็นว่าคดียังไม่พอฟังลงโทษจำเลย จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๗ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.๒๔๖๕ ให้วางโทษปรับ ๑,๒๙๓ บาท และให้จำเลยจ่ายเงินสินบนกับเงินรางวัลแก่ผู้แจ้งความนำจับและเจ้าพนักงานผู้จับตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ.๒๔๘๙ มาตรา ๖,๗,๘,๙ ข้อหาอย่างอื่นและคำขอให้นับโทษต่อให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้หากจะฟังว่าของกลางจะผลิตมาจากประเทศกัมพูชา โจทก์ก็ไม่มีพยานมาสืบถึงว่าจำเลยได้ซื้อของกลางไว้แต่เมื่อไร จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยมีของกลางเหล่านั้นไว้ ทางพิจารณาก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยเป็นผู้ลอบลักนำของกลางเหล่านั้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรหรือจำเลยรับไว้โดยฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ว่าของกลางเป็นของที่เสียอากรโดยถูกต้อง หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๐๐ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.๒๔๖๙ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าหน้าที่นำสืบจะตกอยู่กับจำเลยตามกฎหมายดังกล่าว ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ลอบลักหนีอากรขาเข้าขาออกหรือเป็นผู้สมรู้ในการนั้นหรือหลีกเลี่ยงโดยเจตนาฉ้อด่านภาษี หาเกี่ยวกับผู้ซื้อของไว้จากพ่อค้าโดยเปิดเผยไม่ ข้อเท็จจริงจริงฟังได้ว่า จำเลยซื้อของกลางทั้งหมดมาจากตลาดอรัญประเทศ และเป็นของที่ขายอยู่โดยทั่วไปในตลาด แม้ขณะเกิดเหตุก็ยังมีขายอยู่แม้ของนั้นจะยังมิได้เสียภาษี ก็หาตกอยู่ในบังคับมาตรา ๑๐๐ ไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบให้สมฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย