คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจเดินทางไปจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีคดีอยู่ตามหมายจับ พบผู้ต้องหาโดยกระทันหันก่อนจะได้ไปขอความร่วมมือจากเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ ผู้ต้องหาหนีเข้าบ้านโจทก์จึงเข้าไปจับกุมได้ในทันใดนั้น ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 364 แม้จะไม่มีหมายค้นเพราะเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร มิฉะนั้นผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปได้ ผู้ที่เจ้าพนักงานตำรวจขอให้ช่วยเหลือจับกุมตามหมายจับก็ไม่มีความผิดเช่นเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการตำรวจตำแหน่งผู้บังคับหมวดประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตรัง จำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2 และพวกมีปืนเป็นอาวุธ ได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของโจทก์โดยไม่มีเหตุอันสมควร และไม่ยอมออกเมื่อผู้มีสิทธิห้ามมิให้เข้าได้ไล่ให้ออกเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เหตุเกิดที่ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365, 157, 83

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 ขาดเจตนาอันเป็นความผิดฐานบุกรุก และไม่ได้กระทำไปเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ส่วนจำเลยที่ 2 ฟังว่าบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของโจทก์โดยไม่มีเหตุอันสมควร พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 และลงโทษจำเลยที่ 2ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365

โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 กระทำไปโดยเหมาะสมแก่พฤติการณ์ในการจับกุม ไม่เป็นการเข้าไปเพื่อรบกวนการครอบครอง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนจำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานผู้จัดการตามหมายจับ พิพากษาแก้ เป็นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจเดินทางไปจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีคดีอยู่ตามหมายจับ พบผู้ต้องหาโดยกระทันหัน ก่อนจะได้ไปขอความร่วมมือจากเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ผู้ต้องหาหนีเข้าบ้านโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงติดตามเข้าไปจับกุมผู้ต้องหาได้ในบ้านโจทก์ในทันใดนั้น เป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร มิฉะนั้นผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปได้ ไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง แม้จะไม่มีหมายค้น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ที่จำเลยที่ 1 ขอให้ช่วยเหลือจับกุมตามหมายจับ จึงไม่มีความผิดเช่นเดียวกัน

พิพากษายืน

Share