แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ป. ผู้ตาย และมิได้เป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของเด็กหญิง ผ. จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายตามฟ้องจากจำเลยทั้งสอง โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลชั้นต้น แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ โจทก์กลับอุทธรณ์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ได้รับมอบอำนาจจาก จ. ซึ่งเป็นทายาทอีกคนหนึ่งของ ป. ผู้ตายตามคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้แก้ไข ดังนั้น เหตุที่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องตามที่โจทก์อุทธรณ์จึงเป็นคนละเหตุกับที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง เป็นการอุทธรณ์ในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นภริยาของ ป. และเป็นบุพการีตามความเป็นจริงของเด็กหญิง ผ. โจทก์จึงเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของเด็กหญิง ผ. มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยานายประยงค์ เย็นสุขใจ เด็กหญิงผกามาศ เย็นสุขใจ เป็นบุตรของนายจิระศักดิ์ เย็นสุขใจ กับนางประถม น้อยสันเทียะ นายจิระศักดิ์มิได้จดทะเบียนสมรสกับนางประถมและได้หย่าร้างกับนางประถมแล้ว เด็กหญิงผกามาศอาศัยอยู่กับโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กหญิงผกามาศ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2542 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทชนรถจักรยานยนต์ที่นายประยงค์ขับและมีเด็กหญิงผกามาศนั่งซ้อนท้ายเป็นเหตุให้นายประยงค์ถึงแก่ความตาย ส่วนเด็กหญิงผกามาศได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันชำระค่ารักษาพยาบาลเด็กหญิงผกามาศ ค่าปลงศพ ค่าโลงศพ ค่าสวดอภิธรรมศพนายประยงค์ และค่าเสียหายที่โจทก์ต้องขาดไร้อุปการะ รวมเป็นเงิน 200,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 9 มิถุนายน 2543 โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์และนายประยงค์แต่งงานกันตามประเพณีและมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ นางสาวจิราภรณ์ เย็นสุขใจ นายจิระศักดิ์ เย็นสุขใจ และนางสาวลภาภรณ์ เย็นสุขใจ ในการดำเนินคดีนี้นางสาวจิราภรณ์มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องและดำเนินคดีแทน
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่า โจทก์มิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายประยงค์ผู้ตาย และมิได้เป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของเด็กหญิงผกามาศจึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายตามฟ้องจากจำเลยทั้งสอง พิพากษายกฟ้อง และมีคำสั่งในคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ว่า เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้วจึงให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ได้รับมอบอำนาจจากนางสาวจิราภรณ์ซึ่งเป็นทายาทของนายประยงค์ผู้ตาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แต่โจทก์ไม่ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงส่งถ้อยคำสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์สำหรับจำเลยที่ 2 ส่วนคดีระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 นั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายประยงค์ผู้ตาย และมิได้เป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของเด็กหญิงผกามาศ จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายตามฟ้องจากจำเลยทั้งสอง โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลชั้นต้น แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ โจทก์กลับอุทธรณ์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ได้รับมอบอำนาจจากนางสาวจิราภรณ์ เย็นสุขใจ ซึ่งเป็นทายาทอีกคนหนึ่งของนายประยงค์ผู้ตายตามคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้แก้ไข ดังนั้นเหตุที่ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องตามที่โจทก์อุทธรณ์จึงเป็นคนละเหตุกับที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง เป็นการอุทธรณ์ในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ชอบที่จะไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์มานั้นไม่ชอบ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นภริยาของนายประยงค์และเป็นบุพการีตามความเป็นจริงของเด็กหญิงผกามาศ โจทก์จึงเป็นผู้แทนเฉพาะคดีของเด็กหญิงผกามาศมีอำนาจฟ้องนั้น เป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกอุทธรณ์และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และยกฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ