คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 7 บัญญัติว่าบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจการจัดการสืบบริคณห์ที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่แล้วในวันใช้บังคับบทบัญญัติบรรพ 5 ใหม่นี้ เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้ที่พิพาทมาตั้งแต่ พ.ศ. 2499 โจทก์ซึ่งเป็นสามีมีอำนาจจัดการรวมทั้งมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อประโยชน์แก่ที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์นั้นได้อยู่แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 (เดิม) มาตรา 1468, 1469 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้โดยลำพัง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๘๒ อำเภอเมืองลำปางและห้องแถวไม้เลขที่ ๒๐๓ ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวซึ่งจำเลยและครอบครัวเข้าอยู่อาศัยโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอาศัยต่อไป จึงบอกกล่าวให้จำเลยออกไป แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามจึงขอให้ขับไล่
จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นสินสมรส โจทก์ไม่มีอำนาจจัดการ ไม่มีอำนาจฟ้องภริยาโจทก์ตกลงขายที่ดินที่พิพาทให้จำเลย จำเลยได้รื้อห้องแถวเลขที่ ๒๐๓ แล้วทำใหม่สิ้นเงินไปไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท แล้วเสียค่าเช่าเดือนละ ๑๐๐ บาท อันเป็นสัญญาต่างตอบแทน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้จำเลยในราคา ๕๐,๐๐๐ บาท
โจทก์ให้การว่า ฟ้องแย้งจำเลยไม่เป็นความจริง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ภริยาของโจทก์ได้ให้สัตยาบันในการที่โจทก์ฟ้องจำเลยแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง และฟังว่าจำเลยเช่าห้องพิพาทโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว โจทก์เสียหายเดือนละ ๑๐๐ บาท พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากห้องพิพาท กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๑๐๐ บาท ด้วย
จำเลยอุทธรณ์
เนื่องจากคดีต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเฉพาะอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ภริยาโจทก์ให้ความยินยอมในภายหลังฟ้องคดีเป็นการให้สัตยาบันโจทก์มีอำนาจฟ้อง ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ตกลงขายที่พิพาทให้จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่มีผลบังคับ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙ มาตรา ๗ บัญญัติว่า “บทบัญญัติบรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจการจัดการสินบริคณห์ที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มีอยู่แล้วในวันใช้บังคับบทบัญญัติบรรพ ๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ฯลฯ” ได้ความว่า โจทก์ได้ที่พิพาทมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๙ โจทก์ซึ่งเป็นสามีมีอำนาจจัดการรวมทั้งมีสิทธิฟ้องคดีเพื่อประโยชน์แก่ที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์นั้นได้อยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ (เดิม) มาตรา ๑๔๖๘, ๑๔๖๙ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเพื่อจัดการที่พิพาทได้ต่อไปโดยลำพัง
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์มิได้ระบุหนังสือยินยอมและสัตยาบันของภริยาในบัญชีพยานและส่งสำเนาให้จำเลยนั้น เห็นว่าไม่เป็นสาระแก่คดีจึงไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share