แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจล่อซื้อเฮโรอีนได้จากจำเลย 2 หลอด และเข้าค้นตัวจำเลยพบเฮโรอีน 11 หลอด และเมทแอมเฟตามีน 18 เม็ด การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน และถูกจับได้พร้อมกัน แม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกัน แต่เมื่อเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เช่นเดียวกัน จึงเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายคนละมาตรากันกับความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็หาทำให้การกระทำกรรมเดียวกลายเป็นการกระทำหลายกรรมไปได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2541 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ได้ร่วมกันมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 13 หลอดน้ำหนัก 0.26 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวจำนวน 2 หลอด น้ำหนักไม่ปรากฏชัด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ 200 บาท นอกจากนี้จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 18 เม็ด น้ำหนัก 1.26 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนยาวอัดลม 1 กระบอกซึ่งไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91และริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง, 67พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 (ที่ถูกจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 1 ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 กับผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่งด้วย) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 5 ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 5 ปี ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี 6 เดือน ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 10 ปี สำหรับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างนับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกระทงละหนึ่งในสามทั้งสี่กระทง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 8 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี ริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดสำหรับจำเลยที่ 1 ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง และความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 เป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 11 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 7 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมเฮโรอีนจำนวน 11 หลอด และเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อจำนวน 2 หลอด เป็นเงิน 200 บาท ยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 18 เม็ด น้ำหนัก 1.26 กรัม และอาวุธปืนยาวอัดลม 1 กระบอก จากจำเลยที่ 1 ไว้เป็นของกลาง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมกันหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า เจ้าพนักงานตำรวจล่อซื้อเฮโรอีนได้จากจำเลยที่ 1 จำนวน 2 หลอด และเข้าค้นตัวจำเลยที่ 1 พบเฮโรอีนจำนวน 11 หลอด และเมทแอมเฟตามีนจำนวน 18 เม็ด ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน และถูกจับได้พร้อมกัน แม้วัตถุแห่งการกระทำความผิดต่างชนิดกัน แต่เมื่อเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เช่นเดียวกัน จึงเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้ว่าศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายคนละมาตรากันกับความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ก็หาทำให้การกระทำกรรมเดียวกลายเป็นการกระทำหลายกรรมไปได้ไม่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน