คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขับรถยนต์โดยสารซึ่งกว้างถึง 2 เมตรเศษ โดยไม่ใช้ความระมัดระวังแซงขึ้นหน้ารถกะบะลากเซ็นและรถจักรยานสองล้อบนสะพานซึ่งกว้างประมาณ 6 เมตร ขณะที่รถยนต์สองคันจะหลีกกันได้เท่านั้น เมื่อมีรถยนต์อื่นซึ่งสวนขึ้นสะพานมา จำเลยจึงเบนรถกลับเข้าไปโดนรถจักรยานสองล้อซึ่งผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ นับว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยสารด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง โดยขับแซงขึ้นหน้ารถอื่นอันเป็นทางแคบและเป็นที่คับขัน ครั้นมีรถยนต์แล่นสวนมา จำเลยจึงได้เบนรถไปทางซ้าย ข้างรถของจำเลยเบียดเฉี่ยวถูกรถจักรยานซึ่งสิบเอกเซ็นขี่ไปล้มลง เป็นเหตุให้สิบเอกเซ็นบาดเจ็บและต่อมาถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑ ให้จำคุกจำเลย๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีเป็นที่น่าสงสัย ไม่สนิทใจที่จะฟังว่าจำเลยได้กระทำผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยหักรถหลบเข้ามาเอาข้างรถเบียดโดยรถจักรยานสองล้อที่ผู้ตายขี่ล้มลงไปจริง ตามที่จำเลยอ้างไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ และเมื่อได้คำนึงถึงว่า บนสะพานที่เกิดเหตุมีผิวจราจรกว้างประมาณ ๖ เมตร พอที่รถยนต์ ๒ คันจะหลีกกันได้เท่านั้น หากถึง ๓ คัน ก็หลีกกันไม่ได้ แสดงว่าบนสะพานที่เกิดเหตุแคบ รถจำเลยกว้างถึง ๒ เมตรเศษ เกือบครึ่งของผิวจราจรและยาวถึง ๖ เมตร การที่จำเลยแซงรถกะบะเซ็นและรถจักรยาน ๒ ล้อขึ้นไปโดยไม่ใช้ความระมัดระวัง เมื่อแซงขึ้นไปแล้วมีรถยนต์วิ่งสวนขึ้นสะพานมาจำเลยจึงเบนรถหลบกลับเข้าไปโดนรถจักรยาน ๒ ล้อ และผู้ตายล้มลง เช่นนี้ นับว่าเป็นความประมาท ของจำเลย จำเลยต้องรับผิด
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share