คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยกู้เงินของบริษัทโจทก์ไป ถึงกำหนดชำระคืนก็มีหน้าที่ต้องใช้เงินให้ จะโต้เถียงอำนาจของผู้ให้กู้ไม่ได้
การที่บริษัทจำกัดใดจะมีอำนาจให้จำเลยกู้ได้หรือไม่เป็นเรื่องของทางราชการจะว่ากล่าว ไม่เกี่ยวกับผู้กู้เงินไปจากบริษัท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยยืมเงินโจทก์ไป ๒,๐๐๐ บาท มีกำหนดชำระคืน ถึงกำหนดไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้ว่าบริษัทโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะให้กู้ยืมเงินได้ การกระทำของบริษัทโจทก์จึงเป็นโมฆะ ฟ้องร้องไม่ได้ เงินรายนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่านายหน้าที่จำเลยจัดการให้โจทก์ได้ทำการค้าขายโดยนำประมงชาวญี่ปุ่นมาจับปลา ที่โจทก์ผ่อนให้มา ซึ่งจำเลยได้ฟ้องเรียกเงินค่านายหน้าจากโจทก์ไว้แล้ว
ในวันชี้สองสถานจำเลยรับว่าเอกสารหมาย จ.๑ (หนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท) เป็นเอกสารของทางราชการ และว่าโจทก์จดทะเบียนข้อบังคับข้อ ๑๐ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของบริษัทภายหลังจำเลยกู้เงิน คู่ความตั้งประเด็นข้อสืบข้อเดียวว่า วัตถุประสงค์ของบริษัทโจทก์ ข้อ ๑๐ จดทะเบียนก่อนหรือหลังจำเลยกู้เงิน และจำเลยขอสืบด้วยว่า จำเลยไม่ได้นำเงินรายนี้ไปทำการค้า
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่ได้ขอสืบพยานตามข้อต่อสู้ที่ว่าเงินรายนี้เป็นส่วนหนึ่งของเงินค่านายหน้า กลับตั้งประเด็นขอสืบเรื่องอื่น ทำนองไม่ติดใจยกเป็นข้อต่อสู้ สั่งงดสืบพยานทั้ง ๒ ฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่า สัญญากู้ชัดแจ้งว่าเป็นเงินกู้จะสืบแก้ไขเป็นค่านายหน้าไม่ได้ เอกสารหมาย จ.๑ ในข้อ ๑๐ มีความว่า ทำการให้กู้ยืมอันจะพึงเป็นประโยชน์ในกิจการค้าไม่มีทางจะแปลดังจำเลยแถลงว่าเป็นเรื่องที่บุคคลอื่นให้บริษัทโจทก์กู้ยืม พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๒,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่ง
จำเลยอุทธรณ์ว่าบริษัทโจทก์มีวัตถุประสงค์เพียงกู้เงินบุคคลอื่นมาทำการค้า ไม่มีอำนาจให้ผู้ใดกู้เงิน เพราะการให้กู้เงินจะต้องได้รับอนุญาตกระทรวงการคลัง บริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีได้อุทธรณ์ในเรื่องที่จำเลยกู้เงินโจทก์ตามสัญญา ข้ออุทธรณ์บริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจให้กู้เงินไม่มีประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นตน รับวินิจฉัยให้ไม่ได้ ข้อที่ว่าโจทก์เพิ่งไปจดทะเบียนวัตถุประสงค์ตามข้อ ๑๐ หลังจากให้จำเลยกู้เงินแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน จกเลยก็มิได้อุทธรณ์ จึงพิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า บริษัทโจทก์มิได้รับอนุญาตให้ทำการธนาคาร ฯ จะให้บุคคลอื่นกู้เงินไม่ได้ ต้องห้าม คงมีสิทธิเพียงกู้ยืมเงินผู้อื่นมาใช้เป็นประโยชน์ในกิจการของบริษัทเท่านั้น จงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้กู้เงินของบริษัทโจทก์มา เมื่อถึงกำหนดจำเลยก็มีหน้าที่ต้องใช้เงินให้ผู้ให้กู้ จะเถียงอำนาจผู้ให้กู้ไม่ได้ การที่บริษัทโจทก์จะมีอำนาจให้กู้เงินหรือไม่ เป็นเรื่องของทางราชการจะว่ากล่าวกับบิรษัทโจทก์ซึ่งไม่เกี่ยวกับจำเลย
พิพากษายืน.

Share