แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกของ ด.ผู้กู้ ให้โจทก์ผู้ให้กู้ทำนา ถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ด้วยการให้โจทก์ได้ทำนา จึงเป็นการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ดังนี้ โจทก์จะมีสิทธิทำนาได้ก็แต่โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนา และเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืน ด. เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ย โดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดวันใดก่อนโจทก์ฟ้องศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1,3/2513)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางแดงกู้เงินโจทก์ไป ๕,๕๐๐ บาท มอบที่นาให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ย นางแดงตาย โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยขัดขวาง ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยในฐานะผู้รับมรดกนายแดง ใช้เงินต้น ฯลฯ
จำเลยให้การว่า นาที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ใช่ทรัพย์มรดกของนายแดง โจทก์เช่านาจากจำเลย ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า พฤติการณ์ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกของนายแดงยอมให้โจทก์ทำนา ถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ย ให้โจทก์ด้วยการให้โจทก์ได้ทำนา และจึงเป็นการรับสภาพต่อเจ้าหน้าที่ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ยในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีสิทธิจะทำนาได้โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนา และเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะติดตามเอาคืนมาทำต่างดอกเบี้ยได้อีก นายแดง กู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ย โดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงิน นับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ฟ้องโจทก์และข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบยังฟังไม่ได้แน่ชัดว่าจำเลยผิดนัดในวันใดก่อนโจทก์ฟ้อง ศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้ต้นเงิน ๔,๕๐๐ บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์