คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของสถานีบ่มใบยาถูกเจ้าพนักงานประเมินให้เสียภาษีร้านค้าตามประมวลรัษฎากร ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งว่าสถานีบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้าตามลำดับ เจ้าพนักงานคงยืนยันว่าเป็นร้านค้าและได้ทำการยึดทรัพย์เพื่อเสียภาษี เจ้าของสถานีบ่มใบยาจึงเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าพนักงานขอให้ถอนการยึดและขอให้ศาลแสดงว่าโรงบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้า ดังนี้ คดีมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าสถานีบ่มใบยาเป็นร้านค้าใช่หรือไม่ ศาลจะสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าสถานีบ่มใบยาไม่ใช่ร้านค้าหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้แจ้งประเมินให้โจทก์เสียภาษีสำหรับสถานีบ่มใบยาของโจทก์ โดยถือว่าเป็นร้านค้า แต่แท้จริงหาใช่ร้านค้าไม่ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อจำเลยที่ 2 สรรพากรจังหวัดจำเลยที่ 2 ยกอุทธรณ์ โจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 3 สั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์เช่นเดียวกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ยึดทรัพย์ของโจทก์ โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าสถานีบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่ร้านค้า ไม่ต้องเสียภาษีโรงค้าและขอให้ถอนการยึด

จำเลยให้การว่าสถานีบ่มใบยาของโจทก์เป็นโรงค้าประเภทร้านค้า

ศาลชั้นต้นสอบโจทก์แล้วพิพากษาว่า โรงบ่มใบยาของโจทก์ไม่ใช่ร้านค้า ให้จำเลยถอนการยึด

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การอุทธรณ์ของโจทก์ต่อจำเลยที่ 2 หรือที่ 3 อุทธรณ์ภายใน 15 วันนับแต่วันทราบคำสั่งหรือประการใด ไม่มีแจ้งในฟ้อง โจทก์ยังไม่มีสิทธิ์ฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สถานีบ่มใบยาเป็นโรงค้าประเภทร้านค้าหรือไม่เป็นปัญหาด้วย เพราะถ้าโรงบ่มใบยาไม่ใช่โรงค้าประเภทร้านค้าแล้ว ก็อยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องการเข้าไปเกี่ยวข้องโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ยึดทรัพย์ผิดอาจเป็นละเมิด โจทก์ฟ้องคดีได้

สถานีบ่มใบยาเป็นร้านค้าหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเอาเองเป็นอันว่าข้อเท็จจริงอันต้องนำสืบยังเหลืออยู่

พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาพิพากษาใหม่

Share