แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บ้านพิพาทเป็นของจำเลยกับ ช. ร่วมกัน แม้หลักฐานทางทะเบียนจะปรากฏชื่อ ช.เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวและช. จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้ผู้ร้อง ก็ไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลยโอนมาเป็นของผู้ร้องด้วย เพราะจำเลยมิได้แสดงเจตนายกให้ผู้ร้องทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยรู้เห็นการที่ ช. จดทะเบียนยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้อง จะถือว่าจำเลยยอมให้กรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลยโอนไปเป็นของผู้ร้องด้วยไม่ได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยบ้านพิพาท.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านเลขที่133/141 ซอยสงวนทรัพย์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าบ้านดังกล่าวเป็นของผู้ร้องโดยผู้ร้องได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาจากบิดา มิใช่เป็นของจำเลย ขอให้ปล่อยบ้านที่ยึด
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นบุตรนายเชื่อม ดาวเรือง และจำเลยบ้านที่ยึดเป็นของนายเชื่อมและจำเลย มิใช่ของผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยกับนายเชื่อมร่วมกัน ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยกับนายเชื่อมย่อมจะต้องทราบดี แม้หลักฐานทางทะเบียนจะปรากฏชื่อนายเชื่อมเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว และนายเชื่อมได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้องและนางสาวชิต ก็ไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลยโอนมาเป็นของผู้ร้องและนางสาวชิต ด้วย เพราะจำเลยมิได้แสดงเจตนายกให้แก่ผู้ร้องและนางสาวชิต ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยรู้เห็นการที่นายเชื่อมจดทะเบียนยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้องและนางสาวชิต จะถือว่าจำเลยยอมให้กรรมสิทธิ์ในส่วนของจำเลยโอนไปเป็นของผู้ร้องและนางสาวชิต ด้วยไม่ได้ โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านพิพาทเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยบ้านพิพาท
พิพากษายืน.