คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองฐานคือฐานปล้นทรัพย์หรือฐานรับของโจร ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใดฐานหนึ่งเมื่อจำเลยให้การับว่าได้กระทำผิดฐานรับของโจรเต็มตามฟ้องแล้ว โจทก์จะขอให้พิจารณาความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกไม่ได้ ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ทีเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองฐาน คือ ฐานปล้นทรัพย์หรือฐานรับของโจร ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๑, ๓๒๑, ๓๒๒
จำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร
โจทก์ขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นสั่งงด แล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจรจำคุก ๔ เดือนลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๕๙ คงจำคุก ๒ เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการบรรยายถึงพฤตติการณ์หรือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งในความผิดฐานปล้น ทรัพย์และฐานรับของโจรก่อนแล้วจึงยืนยันว่าจำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพเต็มตามฟ้องโจทก์ในความผิดฐานรับของโจรแล้วเช่นนี้โจทก์จะขอให้พิจารณาความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกให้กลายเป็นความผิดสองฐานย่อมไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นต้องประกอบด้วยการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปด้วยอาการชิงทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมาย บัญญัติไว้ก็ดี ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
คงพิพากษายืน

Share