แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ได้ความว่าเจ้าอาวาสวัดอนงค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจกรของวัดเป็นตัวแทนเพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัดตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล แต่เจ้าอาวาสมรณภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้พระภิกษุรูปใหม่ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสยังมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องก็ตามโจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือหรือมอบอำนาจในฐานที่เป็นเจ้าอาวาสแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ เจ้าอาวาสจะได้มรณภาพไปแล้วการมอบอำนาจก็ยังไม่ระงับไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับมอบอำนาจจากวัดเทพศิรินทราวาสให้มีอำนาจให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัดและให้มีอำนาจฟ้องคดีในศาลได้ ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องแล้ว จำเลยได้เข้าครอบครองที่ของโจทก์โดยไม่มีสิทธิเป็นการละเมิดโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ และส่งมอบที่ดินคืนในสภาพอันดีให้จำเลยเสียค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 300 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบที่ดินคืน
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่ชายคลองซึ่งเป็นที่หลวงของแผ่นดิน รัฐบาลและเทศบาลนครกรุงเทพฯ เป็นผู้ปกครองสินค้าที่วางขายเป็นของนายสมัยไม่ใช่ของจำเลย ๆ ไม่ได้ละเมิดสิทธิของโจทก์และคัดค้านว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะการมอบอำนาจมิได้เป็นไปโดยถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังสมฟ้องโจทก์พิพากษาให้จำเลยขนย้ายสิ่งของต่าง ๆของจำเลยออกไปจากที่พิพาทให้ส่งมอบที่พิพาทคืนให้โจทก์ในสภาพอันดีและให้ใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 300 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งที่พิพาทคืนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้วข้อกฎหมายที่จำเลยคัดค้านในชั้นนี้มีเพียงข้อเดียวว่าหลวงเทพนรินทร์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้หรือไม่
ได้ความว่าสมเด็จพระพุทธโฆษจารย์เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้หลวงเทพนริทร์โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจจกรณ์ของวัดเป็นตัวแทน เพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัดตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2490 แต่สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์มรณะภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ พระราชกวีผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ซึ่งมิได้มอบอำนาจให้หลวงเทพนรินทรฟ้องศาลฎีกาเห็นว่าหลวงเทพนรินทรยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ แม้สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้มรณะภาพไปแล้ว การมอบอำนาจยังไม่ระงับไป ศาลทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว จึงให้ยกฎีกาจำเลยโดยพิพากษายืนค่าธรรมเนียมและค่าทนายความในชั้นนี้ให้เป็นพับไป