คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกส่วนแบ่งทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมของเจ้ามรดกผู้ร้องยื่นคำร้องสอดขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม โดยอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมเมื่อปรากฏว่าทรัพย์มรดกที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเป็นทรัพย์ต่างรายกับทรัพย์มรดกที่โจทก์ฟ้อง กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะร้องสอดเข้ามาในคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางรุ่งจิตต์ มารดาทำพินัยกรรมยกทรัพย์บางอย่างให้แก่โจทก์แต่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกไม่ยอมแบ่งทรัพย์ให้โจทก์ตามพินัยกรรม จึงขอให้ส่งมอบทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้อง

จำเลยให้การว่า พินัยกรรมตามฟ้องเป็นโมฆะ คดีโจทก์ขาดอายุความ

ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิได้รับมรดกด้วยผู้หนึ่งตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมของนางรุ่งจิตต์ เทียนธาดา ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี เป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่ จึงขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมโดยถือเอาคำฟ้องและพยานหลักฐานโจทก์เป็นของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี หากผู้ร้องมีสิทธิจะได้รับมรดกด้วยตามพินัยกรรมจะต้องกล่าวเรียกร้องเอาจากจำเลยต่างหาก ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่ผู้ร้องฎีกาว่าเนื่องจากผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกของนางรุ่งจิตต์ เทียนธาดา ตามพินัยกรรมผู้ร้องจึงมีสิทธิโดยชอบที่จะร้องสอดขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ได้นั้น เห็นว่าแม้ผู้ร้องจะกล่าวอ้างว่ามีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมฉบับเดียวกันนี้ก็ตาม แต่ทรัพย์มรดกที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเป็นทรัพย์ต่างรายกับทรัพย์ที่โจทก์ฟ้อง กรณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนี้ ไม่มีเหตุที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ได้ ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share