แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจำนองทรัพย์ไว้กับโจทก์ ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๑ จำนองเรือยนต์ชื่อ “ทวีชัยไพบูลย์” เป็นเงิน ๓๙,๐๐๐ บาท สัญญาให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปีทุกเดือน และจำไถ่จำนองวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๑ ครั้งที่ ๒ จำนองเรือยนต์ชื่อ “ผลไพบูลย์” กับรถยนต์เชทโรเล็ต เป็นเงิน ๖๖,๐๐๐ บาทสัญญาให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ทุกเดือน และจะไถ่จำนองวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๐๓ ต่อมาจำเลยผิดสัญญา คือ เมื่อวันครบกำหนดการไถ่จำนองตามสัญญาครั้งที่ ๑ จำเลยไม่ไถ่ถอน และไม่ชำระดอกเบี้ยประจำเดือนตามสัญญา ครั้งที่ ๒ โจทก์จะฟ้องจำเลย แต่จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๒ โดยยอมผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญาจำนองทั้ง ๒ ฉบับให้โจทก์เป็นรายวัน ๆ ละ ๑๒๐ บาท หากขาดส่งติด ๆ กัน ๓ วันแล้วจำเลยยอมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จำนองให้โจทก์ทั้งหมดโดยมิต้องฟ้องร้องบังคับคดี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์วันละ ๑๒๐ บาท รวม ๑๖๒ วัน คิดคำนวณแล้วจำเลยยังคงค้างชำระต้นเงินจำนองอยู่ ๙๒,๖๔๗.๕๐ บาท จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความมาเป็นเวลา ๘๐ วัน คิดเป็นดอกเบี้ยอีก ๓,๐๗๕.๕๐ บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยบิดพลิ้ว โจทก์จะเข้ายึดทรัพย์สินจำนองเพื่อโอนหลุดเป็นสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยก็ไม่ยินยอม ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวจำเลยให้การทำการไถ่ถอนจำนองภายใน ๑๕ วัน จำเลยไม่ปฏิบัติตาม จึงขอให้พิพากษาให้ทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ หรือให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้จำนองตามจำนวนเงินดังกล่าว และดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่ทราบว่าโจทก์ฟ้องอาศัยสิทธิทางสัญญาประนีประนอมยอมความหรืออาศัยสิทธิทางสัญญาจำนอง ฯลฯ
ศาลจังหวัดสระบุรีวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ฯลฯ พิพากษาให้ทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ตามข้อตกลงแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ก็เห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ฯลฯ พิพากษาแก้ ให้ยึดทรัพย์สินจำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้จำนองที่คิดค้นอยู่ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ในข้อที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์(ตาม) ที่เป็นมาโดยลำดับ เป็นการแสดงสิทธิหรือข้อหาของโจทก์โดยชัดแจ้ง ทั้งคำขอบังคับให้เอาทรัพย์จำนองหลุดหรือขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ ก็ไม่ขัดกับการบังคับตามสัญญาจำนองหรือสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ชอบที่จะบรรยายฟ้องเสนอทั้งสิทธิตามสัญญาจำนองและสัญญาประนีประนอมยอมความ (ตาม) ที่เป็นมาเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยบังคับให้ได้ สัญญาทั้งสองนี้ก็อาจใช้บังคับควบคู่กันดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่า ข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ทรัพย์สินจำนองหลุดนั้น สมบูรณ์มีผลบังคับได้ตามกฎหมายเฉพาะทรัพย์ที่จำนองครั้งที่ ๑ เท่านั้น ส่วนทรัพย์สินจำนองครั้งที่ ๒ นั้น ทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงกันก่อนหนี้ถึงกำหนดชำระ ข้อตกลงนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ โจทก์จะเอาทรัพย์จำนองครั้งที่ ๒ หลุดเป็นสิทธิด้วยไม่ได้ ซึ่งมีผลว่าสัญญาจำนองครั้งที่ ๒ ยังคงใช้บังคับอยู่ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
เมื่อวินิจฉัยข้ออื่นด้วยแล้ว พิพากษาแก้เฉพาะรายการทรัพย์ที่จะให้ยึดชำระหนี้ เป็นว่าให้ยึดเฉพาะเรือยนต์ ๒ ลำเท่านั้นขายทอดตลาดชำระหนี้จำนองที่ยังติดค้าง