คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2532

แหล่งที่มา : เนติบัญฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้ ส. จะมีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยในการกระทำผิดมาแต่ต้น แต่เมื่อ ส. ไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ คำเบิกความของ ส. มิใช่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 288 และ 289 กับริบหัวกระสุนปืนของกลาง จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตจากศาลให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนแล้วหลบหนีไปไม่ได้ตัวมาพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ชั่วคราว ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 84และ 83 วางโทษประหารชีวิต คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิตริบหัวกระสุนปืนของกลาง จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2528 เวลาประมาณ 2 นาฬิกา ขณะที่ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีนางสมพรภริยานั่งซ้อนท้ายมาตามซอยทหารอากาศได้มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันหนึ่งตามมาแล้วแล่นปาดหน้า คนขับรถได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะถูกกระสุนปืนของคนร้ายคดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ในการพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้อง โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความว่าเห็นจำเลยที่ 1 กระทำการดังกล่าว คงมีแต่คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบให้ฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยความสมัครใจและตามความสัตย์จริง ในปัญหาว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนโดยความสมัครใจและตามความสัตย์จริงหรือไม่นั้น ปรากฏว่าคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 มีความยาวกว่า 5 หน้ากระดาษพิมพ์ มีรายละเอียดตั้งแต่จำเลยที่ 1 เริ่มเข้ามาขายเนื้อสุกรชำแหละในตลาดยิ่งเจริญเป็นเหตุให้รู้จักนางสมพรภริยาผู้ตายซึ่งขายเนื้อสุกรชำแหละอยู่ใกล้กัน จนกระทั่งได้ร่วมประเวณีกับนางสมพรที่โรงแรมหลายครั้ง กล่าวถึงสาเหตุที่คิดจะฆ่าผู้ตาย รายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อกับจำเลยที่ 2 ให้หามือปืนมาฆ่าผู้ตาย จำนวนค่าจ้างรายละเอียดเหล่านี้เจือสมและสอดคล้องกับคำเบิกความของนางสมพรพยานโจทก์และคำให้การชั้นสอบสวนเพิ่มเติมของนางสมพรที่ได้ให้การไว้ก่อนจำเลยที่ 1 ถูกจับกุม 2 วัน ในเรื่องคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มีแต่ตัวจำเลยที่ 1 มาเบิกความสั้น ๆว่า ในชั้นสอบสวนให้การปฏิเสธโดยไม่มีรายละเอียดแต่อย่างใดทั้งมิได้นำสืบว่าถูกพนักงานสอบสวนบังคับขู่เข็ญให้ลงลายมือชื่อในคำให้การชั้นสอบสวน นอกจากนี้โจทก์ยังมีคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีข้อความเจือสมและสอดคล้องกับคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 มาแสดง ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยความสมัครใจและตามความสัตย์จริง นอกจากนี้โจทก์ยังมีนางสมพรมาเบิกความว่า นางสมพรกับจำเลยที่ 1 ลักลอบได้เสียกันที่โรงแรมหลายครั้ง จำเลยที่ 1 ต้องการฆ่าผู้ตายเพื่อให้นางสมพรไปอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยที่ 1 ระหว่างอยู่ด้วยกันในโรงแรมจำเลยที่ 1บอกว่าได้นำเงิน 4,000 บาท ไปให้จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2นำเงินดังกล่าวไปให้นายประวุฒิว่าจ้างมือปืนมาฆ่าผู้ตายปรากฏรายละเอียดดังที่ศาลฎีกายกขึ้นกล่าวอ้างในข้อนำสืบของโจทก์ที่นางสมพรมิได้เล่าเรื่องลักลอบได้เสียกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสาเหตุให้จำเลยที่ 1 คิดฆ่าผู้ตาย และจำเลยที่ 1 นำเงินไปให้จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2 นำเงินไปให้นายประวุฒิจัดการว่าจ้างมือปืนมายิงผู้ตาย ให้เจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวนฟังตั้งแต่วันผู้ตายถูกฆ่า แต่เพิ่งจะเล่าให้พนักงานสอบสวนฟังหลังจากผู้ตายถูกฆ่า 4 วัน เมื่อพนักงานสอบสวนเรียกมาสอบคำให้การเพิ่มเติมนั้น ไม่ใช่เหตุที่จะทำให้คำเบิกความของนางสมพรในเรื่องดังกล่าวไม่น่าเชื่อเสียเลย เพราะขณะนั้นนางสมพรกำลังรักใคร่ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 1 และการร่วมประเวณีกับชายอื่นที่มิใช่สามีเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ซึ่งนางสมพรได้เบิกความว่าในวันเกิดเหตุไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจ้าพนักงานตำรวจฟังเพราะเกรงว่าญาติของผู้ตายจะดูหมิ่นเหยียดหยาม ระหว่างนั้นนางสมพรอาจจะลังเลใจว่าจะเล่าเรื่องดังกล่าวให้เจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานสอบสวนฟังหรือไม่ เมื่อร้อยตำรวจตรีประทีปไปสืบสวนหาสาเหตุที่ผู้ตายถูกฆ่าที่ตลาดยิ่งเจริญ จนทราบจากนางวราภรณ์ซึ่งขายเนื้อสุกรชำแหละในตลาดดังกล่าวว่า จำเลยที่ 1 เคยเล่าให้นางวราภรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 เคยลักลอบได้เสียกับนางสมพรซึ่งเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเรียกนางสมพรมาสอบคำให้การเพิ่มเติม นางสมพรจึงได้ตัดสินใจเล่าเรื่องดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนฟัง แม้นางสมพรจะมีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยที่ 1 มาแต่ต้น แต่เมื่อนางสมพรไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ คำเบิกความของนางสมพรมิใช่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยที่ 1ได้ ศาลฎีกานำคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1มาพิจารณาประกอบกับคำเบิกความของนางสมพรและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 84 และ 83 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา 289 มีหลายอนุมาตราแต่ละอนุมาตรามีองค์ประกอบความผิดไม่เหมือนกัน เมื่อข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความเข้าลักษณะอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามอนุมาตราใดของมาตรา 289 ก็ชอบที่ศาลจะระบุอนุมาตรานั้น ๆไว้ด้วย จึงเห็นควรแก้ไขเสียให้ชัดเจน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 84 และ 83 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share