คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามระเบียบของจำเลยกำหนดว่าพนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นหรือเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้างเมื่อออกจากงานมีสิทธิเบิกค่าพาหนะสำหรับครอบครัวและคนใช้ จำเลยมีคำสั่งบรรจุโจทก์เป็นพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระสำนักงานไร่ยาสูบเชียงรายตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2491 และมีหนังสือถึงผู้จัดการไร่ยาสูบ เชียงรายส่งตัวโจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในเดือนเดียวกันนั้นเช่นนี้โจทก์มีฐานะเป็นลูกจ้างของจำเลยในตำแหน่งนั้นตั้งแต่วันที่ระบุในคำสั่งดังกล่าวแล้วจำเลยมิได้มีคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งอื่นในสำนักงานของจำเลยในกรุงเทพมหานครก่อนแล้วมีคำสั่งให้โจทก์ไปประจำการที่จังหวัดเชียงรายอันเป็นการประจำการต่างท้องถิ่นแต่อย่างใดไม่โจทก์จึงมิใช่พนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นที่เริ่มจ้างอันจะทำให้โจทก์มีสิทธิเบิกค่าพาหนะเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานครตามระเบียบของจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ครั้งสุดท้ายทำหน้าที่ร้องผู้จัดการไร่ยาสูบเชียงราย โดยในวันที่ 20 มีนาคม 2491 โรงงานยาสูบได้มีคำสั่งให้โจทก์ไปประจำที่จังหวัดเชียงราย ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุเกษียณอายุโดยโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์จึงเดินทางกลับมาอยู่ที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นภูมิลำเนาที่จำเลยเริ่มจ้างโจทก์เข้าทำงาน จำเลยมีระเบียบโรงงานยาสูบว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศฯกำหนดว่าพนักงานที่เดินทางไปประจำต่างท้องถิ่นหรือเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้าง เมื่อออกจากงานมีสิทธิเบิกค่าพาหนะและขนส่งเดินทางกลับโจทก์ได้เสียค่าพาหนะและค่าขนของกลับกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นท้องถิ่นที่เริ่มจ้างเป็นเงินทั้งสิ้น 8,111 บาท แต่จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเริ่มจ้างโจทก์เข้าทำงานครั้งแรกที่จังหวัดเชียงรายโดยบรรจุโจทก์ในตำแหน่งพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระ สำนักงานไร่ยาสูบเชียงรายจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2491 โจทก์จึงไม่ได้เดินทางไปประจำต่างท้องถิ่นและไม่ได้เดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้าง ตามระเบียบโรงงานยาสูบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศ พ.ศ. 2527โจทก์จึงไม่มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าพาหนะเดินทางจำนวน 8,111 บาท แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามระเบียบโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศพ.ศ. 2527 ข้อ 7 กำหนดไว้ว่า พนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่น หรือเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้างเมื่อออกจากงานมีสิทธิเบิกค่าพาหนะสำหรับครอบครัวและคนใช้ ความดังกล่าวนี้มีความหมายว่าพนักงานของจำเลยที่ประจำอยู่ ณ ที่ใดก็ตามหากต่อมาได้เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ประจำ ณ ที่แห่งหนึ่งนั้นแล้ว พนักงานผู้นั้นย่อมมีสิทธิเบิกค่าพาหนะสำหรับครอบครัวและคนใช้ได้ และในกรณีเช่นนี้หากพนักงานผู้นั้นออกจากงานและเดินทางกลับท้องถิ่นที่เริ่มจ้างก็มีสิทธิเบิกค่าพาหนะดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน สำหรับกรณีของโจทก์นี้ จำเลยได้มีคำสั่งที่ 23/2491เรื่อง บรรจุและแต่งตั้งพนักงานฝ่ายไร่ โรงงานยาสูบ กรมสรรพสามิต มีข้อความว่าโรงงานยาสูบเห็นสมควรบรรจุเป็นพนักงานฝ่ายไร่และส่งไปประจำสำนักงานไร่ยาสูบจึงให้บรรจุและแต่งตั้งพนักงานฝ่ายไร่ ดังต่อไปนี้

(1) นายนิรัตน์ วิมลศิริ เป็นพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระแผนกควบคุมผู้บ่มอิสระสำนักงานไร่ยาสูบเชียงราย

ฯลฯ

ทั้ง 3 นายนี้ให้ได้รับเงินเดือนเดือนละ 8,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2491เป็นต้นไป และต่อมาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2491 จำเลยได้มีหนังสือถึงผู้จัดการไร่ยาสูบเชียงรายส่งตัวโจทก์มาปฏิบัติหน้าที่ความว่า ด้วยโรงงานยาสูบได้บรรจุและแต่งตั้งนายนิรัตน์ วิมลศิริ เป็นพนักงานควบคุมผู้บ่มอิสระ ประจำสำนักงานไร่ยาสูบเชียงรายดังสำเนาคำสั่งที่ได้แนบมาพร้อมนี้ เช่นนี้ ตำแหน่งของโจทก์ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจากจำเลยคือ ตำแหน่งพนกังานควบคุมผู้บ่มอิสระแผนกควบคุมผู้บ่มอิสระของสำนักงานไร่ยาสูบเชียงราย จังหวัดเชียงราย อันมีผลให้โจทก์มีฐานะเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2491 แล้ว จำเลยหาได้มีคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งอื่นในสำนักงานของจำเลยในกรุงเทพมหานครมาก่อนแล้วมีคำสั่งให้โจทก์ไปประจำการที่จังหวัดเชียงราย อันเป็นการประจำการต่างท้องถิ่นแต่อย่างใดไม่โจทก์จึงมิใช่เป็นพนักงานที่เดินทางไปประจำการต่างท้องถิ่นที่เริ่มจ้างตามความในข้อ 7 แห่งระเบียบโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศ พ.ศ. 2527 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเบิกค่าพาหนะเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานครได้

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share