คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความมีสาระสำคัญว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์งวดละ 10,000 บาท งวดแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2530 และงวดต่อไปทุก ๆ 3 เดือน จนกว่าจะครบหนี้ ผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดถือว่าผิดนัดทั้งหมด ดังนี้การนับระยะเวลาตามที่กำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความจะต้องคำนวณตามปฏิทินในราชการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 159 ดังนั้น การชำระหนี้งวดที่ 2 จึงครบกำหนดชำระวันที่ 1 พฤษภาคม 2530 และงวดที่ 3 ครบกำหนดวันที่ 1 สิงหาคม 2530 การที่จำเลยนำเงินงวดที่ 3 ไปชำระให้โจทก์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2530 เป็นการเลยกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ เป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ และถือว่าเป็นการผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง โจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีได้
จำเลยอ้างว่า โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยชำระไม่ตรงวันที่ 1 ของเดือนก็ได้ แต่ไม่ให้ข้ามงวด โจทก์ว่าไม่เป็นความจริง เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับว่ามีข้อตกลงกันดังที่จำเลยอ้าง ศาลต้องถือตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต่อมาโจทก์ขอบังคับคดีโดยอ้างว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินงวดที่ ๓ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี ยึดทรัพย์จำเลย จำเลยขอให้เพิกถอนการยึดและงดการขายทอดตลาดทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการยึดและงดการขายทอดตลาด ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินงวดที่ ๓ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ สัญญาประนีประนอมยอมความมีสาระสำคัญว่าจำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์งวดละ ๑๐,๐๐๐ บาท งวดแรกวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ และงวดต่อไปทุก ๆ ๓ เดือน จนกว่าจะครบหนี้ ผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดถือว่าผิดนัดทั้งหมดศาลฎีกาเห็นว่า การนับระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะต้องคำนวณตามปฏิทินในราชการ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๙ ดังนั้น การชำระหนี้งวดที่ ๒ จึงครบกำหนดชำระวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๓๐ และงวดที่ ๓ ครบกำหนดวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๐ การที่จำเลยนำเงินงวดที่ ๓ ไปชำระให้โจทก์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๓๐ เป็นการเลยกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ เป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ และถือว่าเป็นการผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง โจทก์จึงมีสิทธิขอบังคับคดีได้ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยชำระไม่ตรงวันที่ ๑ ของเดือนก็ได้แต่ไม่ให้ข้ามงวดนั้น โจทก์กล่าวในคำแก้ฎีกาว่าไม่เป็นความจริง เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับว่ามีข้อตกลงกันดังที่จำเลยอ้าง ศาลก็ต้องถือตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share