คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยขอให้โอนขายกรรมสิทธิ์ที่ 2 แปลงนั้นตามสัญญาซื้อขายและรับเงินค่าที่ดินที่ยังเหลืออยู่ไป ขอให้สั่งงดการขายทอดตลาดไว้จนกว่าคดีที่ผู้ร้องได้ฟ้องนั้นจะถึงที่สุด ดังนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิมาร้องขอเช่นนั้นได้ เพราะมิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีที่โจทก์นำยึดนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280

ย่อยาว

จำเลยมิได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์ได้ขอให้บังคับคดีและนำยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 รวม 2 โฉนดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลแพ่งขอให้โอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดทั้งสองนั้นได้ ตามหนังสือสัญญาซื้อขายและรับเงินค่าที่ดินที่ยังเหลืออยู่ไปปรากฏตามคดีดำที่ 1855/2505 ที่ดินทั้ง 2 แปลงนี้ผู้ร้องได้เข้าครอบครองถมดิน ทำรั้ว และปลูกอาคารตามที่ได้ตกลงกันไว้ถ้าหากมีการขายทอดตลาดที่ดินแล้วจะทำให้ผู้ร้องเสียหายมาก ไม่ได้รับการโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใดที่จะติดตามเรียกร้องเอาค่าเสียหายได้ ผู้ร้องมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดิน 2 แปลงนี้ จึงขอยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2), 306 ขอให้ศาลสั่งงดการขายทอดตลาดไว้ก่อนจนกว่าคดีที่ผู้ร้องได้ฟ้องนั้นจะถึงที่สุด

ศาลแพ่งมีคำสั่งว่าคำร้องของผู้ร้องไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งงดการบังคับคดีตามกฎหมายได้ จึงให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้โดยผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับเงินค่าที่ดินที่โจทก์ยึดมานี้และให้โอนที่ดินให้แก่ผู้ร้อง คดีนั้นยังอยู่ในระหว่างพิจารณา จึงเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องมิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีที่โจทก์นำยึดนี้ หากแต่กำลังเป็นความฟ้องร้องกันอยู่กับจำเลยที่ 1 เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก จึงมิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 จึงไม่มีสิทธิที่จะมาร้องขอให้งดการขายทอดตลาดที่ 2 แปลงนี้ได้

พิพากษายืน

Share