คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองซึ่งทำขึ้นโดยทางราชการแม้จะจัดทำในโรงพยาบาลก็ไม่จำต้องให้แพทย์รับรอง เพราะการจะพิจารณาว่าผู้ทำพินัยกรรมมีสติสัมปชัญญะดีหรือไม่ นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้ทำพินัยกรรมย่อมมีความรู้ความสามารถพอที่จะพิจารณาได้
คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกแม้มิได้ระบุเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกไว้ แต่ได้ระบุว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียและได้แนบสำเนาสูติบัตรของผู้รับพินัยกรรมมาให้เห็นว่าเป็นผู้เยาว์ ก็ถือว่าเป็นคำร้องที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713(1) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามที่ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองกำหนดไว้
ผู้คัดค้านทั้งสี่คัดค้านว่า คำร้องของผู้ร้องไม่ระบุเหตุขัดข้องในการจัดการมรดก จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 พินัยกรรมท้ายคำร้องเป็นพินัยกรรมที่ทำขึ้นขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมไร้สติสัมปชัญญะ จึงเป็นโมฆะ ขอให้ยกคำร้องและแต่งตั้งผู้คัดค้านทั้งสี่ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าผู้คัดค้านไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดก ให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านทั้งสี่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับคำร้องของผู้คัดค้านทั้งสี่ไว้ดำเนินการต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาตั้งนางสง งามสง่า ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายสุบิน ภวภูตานนท์ ผู้วายชนม์
ผู้คัดค้านทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสี่ฎีกา
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ความปรากฏต่อศาลฎีกาว่าผู้คัดค้านที่ 1 ถึงแก่กรรม เนื่องจากสิทธิในการร้องขอตั้งและคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัว จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะผู้คัดค้านที่ 1 เสียจากสารบบความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ปัญหาว่า พินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.5 สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ทำขึ้นโดยทางราชการ นายปิฎก สอนถมปลัดอำเภอผู้รับมอบอำนาจจากนายอำเภอ และนายเศรษฐสรรค์ ดิเรกศรีพนักงานเจ้าหน้าที่ของอำเภอผู้เขียนพินัยกรรม เบิกความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 283/2524 ของศาลชั้นต้นว่าขณะทำพินัยกรรม นายสุบินมีสุขภาพและสติสัมปชัญญะดีได้ลงชื่อในพินัยกรรมต่อหน้าพยาน ข้ออ้างของผู้คัดค้านว่าพินัยกรรมไม่สมบูรณ์ เพราะลายมือของผู้ทำพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือของนายสุบินเป็นแต่เพียงความเข้าใจหรือสงสัยเท่านั้นไม่มีพยานคนใดยืนยันว่าไม่ใช่การที่พยานอ้างว่าไม่เหมือนกับลายมือนายสุบินที่ลงชื่อไว้ในครั้งก่อน ๆ ก็ไม่ใช่ข้อยืนยันว่าเป็นลายมือปลอม เพราะขณะทำพินัยกรรมนายสุบินกำลังป่วย อาจเป็นผลทำให้ลายมือเปลี่ยนแปลงได้ แม้พินัยกรรมดังกล่าวกระทำที่โรงพยาบาลก็ไม่จำเป็นต้องให้นายแพทย์รับรอง เพราะการที่จะพิจารณาว่าผู้ทำพินัยกรรมมีสติสัมปชัญญะดีหรือไม่ นายอำเภอหรือปลัดอำเภอย่อมมีความรู้หรือความสามารถพอที่จะพิจารณาได้ จึงฟังได้ว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.5 เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
ปัญหาว่า คำร้องของผู้ร้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และผู้ร้องหรือผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 4 สมควรเป็นผู้จัดการมรดก ตามคำร้องของผู้ร้องระบุว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ส่วนผู้รับพินัยกรรมแม้จะไม่ระบุว่าเป็นผู้เยาว์ แต่ท้ายคำร้องได้แนบสำเนาสูติบัตรไว้ด้วย เห็นได้ชัดว่าผู้รับพินัยกรรมเป็นผู้เยาว์ แม้ในคำร้องไม่ระบุเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกไว้ด้วย ก็เป็นคำร้องที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องที่อำนาจยื่นคำร้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1713(1) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55เมื่อพินัยกรรมดังกล่าวกำหนดให้ผู้ร้องซึ่งเป็นมารดาของผู้รับพินัยกรรมที่เป็นผู้เยาว์เป็นผู้จัดการมรดกไว้แล้ว และผู้ร้องไม่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกจึงเป็นผู้สมควรเป็นผู้จัดการมรดกยิ่งกว่าผู้คัดค้าน” ดังนั้น ปัญหาที่ว่าทรัพย์สินตามโฉนดที่ดินตามเอกสารหมาย จ.6, จ.7 และ ส.ค.1 เอกสารหมาย จ.8 ผู้คัดค้านมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน.

Share