คำสั่งคำร้องที่ 268-270/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์ คำร้องขอทุเลาการบังคับคดีและคำร้องขอให้รับรองข้อเท็จจริง รวม 3 ฉบับ ศาลแรงงานกลางสั่งในอุทธรณ์ว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์จำเลย สั่งในคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จึงให้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีและสั่งในคำร้องขอให้รับรองข้อเท็จจริงว่าคดีแรงงานนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 บัญญัติเรื่องการอุทธรณ์ไว้เป็นพิเศษ คือ ให้อุทธรณ์ได้เฉพาะในข้อกฎหมายไปยังศาลฎีกา ดังนั้นคู่ความจะอุทธรณ์คดีแรงงานในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ กรณีจะนำเรื่องการให้ผู้พิพากษารับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงมาใช้ในคดีแรงงานไม่ได้ ให้ยกคำร้องจำเลย
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีไม่ชอบด้วยการฟังพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการจ้างทำของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 587คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลาง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 8 สำหรับเรื่องคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีนั้น
เมื่อศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ก็ได้โปรดรับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีไว้พิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควรด้วย ส่วนเรื่องคำร้องขอให้รับรองข้อเท็จจริงนั้น จำเลยเห็นว่าพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ไม่ได้บัญญัติห้ามไม่ให้ผู้พิพากษารับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไว้ จึงขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งว่าคดีนี้นำเรื่องการให้ผู้พิพากษารับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงมาใช้ได้ และส่งสำนวนให้ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดี พิจารณาว่ากรณีมีเหตุอันควรให้จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้หรือไม่
หมายเหตุ ทนายโจทก์ทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 104)
คดีทั้งสามสำนวนนี้ จำเลยเป็นบุคคลเดียวกัน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกโจทก์ทั้งสามสำนวนว่า โจทก์ที่ 1ที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่นายชลิตโรจนแสงโจทก์ที่1จำนวน18,000บาทนางสาวสุนีย์กิตติฤดีกุลโจทก์ที่ 2 จำนวน 19,600 บาท และนายสุทธิพงษ์ แสงวิเศษ โจทก์ที่ 3จำนวน 18,000 บาท
จำเลยยื่นอุทธรณ์ คำร้องขอทุเลาการบังคับคดีและคำร้องขอให้รับรองข้อเท็จจริง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์และให้ยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 98,99,97)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 102)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสามทำงานกับจำเลยในฐานะเป็นลูกจ้างของจำเลย จำเลยอุทธรณ์โดยหยิบยกคำเบิกความของพยานและเอกสารต่าง ๆ ขึ้นอ้างอิงเพื่อให้ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์ทั้งสามมิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นการจ้างทำของนั้น เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนั้น โดยที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 บัญญัติว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแรงงานให้อุทธรณ์ได้เฉพาะในข้อกฎหมายไปยังศาลฎีกา กรณีจึงไม่อาจรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเพื่อไปสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาได้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย จึงชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ทุเลาการบังคับคดีไว้นั้น เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องวินิจฉัยสั่งคำร้อง ของ จำเลยในข้อนี้อีกจึงให้ยกคำร้อง ของ จำเลย

Share