คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยตรวจสอบเอกสาร และกำหนดเวลาให้จำเลยคัดค้านความไม่ถูกต้องของเอกสารและยอดเงินเป็นหนี้ที่โจทก์ฟ้องหากจำเลยไม่แถลงให้ถือว่าถูกต้องเมื่อปรากฏว่าการยื่นคำร้องขอขยายเวลาตรวจสอบเอกสารของจำเลยมิได้มอบฉันทะให้ผู้ใดมายื่นแทนเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องนั้นโดยหลงผิดว่าได้มีการยื่นคำร้องโดยชอบแล้ว จึงมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อศาลได้เพิกถอนคำสั่งและยกคำร้องของจำเลยเสียแล้ว ก็เสมือนจำเลยไม่แถลงการณ์ถึงความไม่ถูกต้องของบัญชีโจทก์ตามคำสั่งศาลกรณีต้องถือว่าจำเลยได้ยอมรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว
เจ้าพนักงานศาลไม่มีหน้าที่ทักท้วงหรือแนะนำคู่ความในกระบวนความแต่อย่างใด เป็นหน้าที่ของคู่ความจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายที่บังคับไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้อื่น จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้ต่อโจทก์ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามบัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 55 เป็นเงิน 7,166,574.59 บาท และจำเลยได้ออกตั๋วแลกเงินและออกเช็คสั่งจ่ายเงิน จนถึงวันฟ้องจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน14,123,369.34 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมกับดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่ได้เป็นหนี้โจทก์เป็นจำนวนเงินถึง 14,123,369.34 บาท

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงว่า หากได้ตรวจเอกสารให้หมดแล้วอาจตกลงกับโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ถ้าคู่ความได้ตรวจเอกสารต่อหน้าศาลก็อาจทำให้การพิจารณาสะดวกและรวดเร็วขึ้น จึงนัดให้คู่ความทำการตรวจเอกสารกันที่ศาล หากมีการผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสารที่โจทก์อ้าง ให้จำเลยแถลงให้ศาลทราบ ได้มีการตรวจเอกสารกัน 5 ครั้งแล้ว ในวันนัดตรวจเอกสารต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม 2515 ศาลชั้นต้นสั่งว่าถ้าจำเลยจะโต้แย้งความไม่ถูกต้องเอกสารหลักฐานของโจทก์ให้จำเลยทำคำแถลงยื่นต่อศาลภายใน 30 วัน หากจำเลยไม่แถลงภายในกำหนดดังกล่าว ศาลจะถือว่าจำเลยไม่คัดค้านความไม่ถูกต้องของเอกสารและจำนวนยอดหนี้ของโจทก์ และให้นัดพร้อมในวันที่ 29 พฤศจิกายน ครั้นวันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายเวลาการทำการตรวจสอบและคิดยอดเงินที่เป็นหนี้โจทก์ต่อไปอีก 2 เดือน ในวันนัดพร้อมที่ 29 พฤศจิกายน 2515 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาตรวจสอบเอกสารไปอีก 30 วัน หากพ้นกำหนดแล้วจำเลยไม่แถลงถึงความไม่ถูกต้องของบัญชีโจทก์ ถือว่าจำเลยรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์ว่าถูกต้องแล้ว และให้นัดพร้อมวันที่ 3 มกราคม 2516 วันที่ 29 ธันวาคม 2515 ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าได้ให้นักบัญชีตรวจสอบแล้วปรากฏว่ามีค่าดอกเบี้ยผิดพลาด 5 แห่ง ขอขยายเวลาตรวจสอบบัญชีต่อไปอีก 2 เดือน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้นัดพร้อมในวันที่ 2 มีนาคม 2516 ในวันเดียวกันนั้นเอง ความปรากฏแก่ศาลโดยพนักงานศาลรายงานว่า คำร้องลงวันที่ 29 ธันวาคม 2515 ของจำเลยดังกล่าว จำเลยหรือทนายจำเลยไม่ได้นำมายื่นต่อศาลด้วยตนเอง ได้มอบให้บุคคลอื่นมายื่นแทนโดยไม่มีใบมอบฉันทะ ศาลชั้นต้นจึงเพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ขยายเวลาตรวจสอบบัญชีออกไป และให้ยกคำร้องนั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วันที่ 3 มกราคม 2516 คู่ความมาศาลตามที่นัดพร้อมไว้แต่เดิม ศาลสอบถามทนายจำเลยแถลงว่าคำร้องฉบับลงวันที่ 29 ธันวาคม 2515 นั้น ทนายจำเลยได้ให้นายประมุข เจริญพานิช น้องชายทนายจำเลยนำมายื่นต่อศาลโดยลืมทำใบมอบฉันทะมาด้วย ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 จึงให้ถือว่าจำเลยไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องยอดเงินหนี้ของโจทก์ และถือว่าจำเลยยอมรับยอดหนี้ของโจทก์ถูกต้องแล้ว ตามคำสั่งในรายงานพิจารณาลงวันที่ 27 ตุลาคม 2515 และฉบับลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2515 คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องสืบพยานกันต่อไป ให้นัดฟังคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้เงินจำนวน 14,123,369.34 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อปรากฏว่าการยื่นคำร้องของจำเลยมิได้มอบฉันทะ ให้ผู้ใดมายื่นแทน เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องนั้นโดยหลงผิดว่าได้มีการยื่นคำร้องโดยชอบแล้ว จึงมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เจ้าพนักงานศาลไม่มีหน้าที่ที่จะทักท้วงหรือแนะนำคู่ความในกระบวนความแต่อย่างใด เป็นหน้าที่ของคู่ความจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายที่บังคับไว้ เมื่อศาลได้เพิกถอนคำสั่งและให้ยกคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 29 ธันวาคม 2515 เสียแล้วก็เสมือนจำเลยมิได้แถลงศาลถึงความไม่ถูกต้องของบัญชีโจทก์ ตามคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 27 ตุลาคม 2515 และ 29 พฤศจิกายน 2515 กรณีต้องฟังว่าจำเลยได้ยอมรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว

พิพากษายืน

Share