แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีโจทย์ฟ้องว่าเมื่อเดือน ๖ แลเดือน ๗ พ.ศ.๒๔๖๒ โจทย์ได้ซื้อเข้าเปลือกไว้จากนายเอี่ยว ญี่ห้อเซ่งกี่ ๒ ครั้งเปนเข้าเปลือก ๕๒ เกวียนรวมราคา ๘๔๕๖ บาท การซื้อเข้า ๒ ครั้งนี้นายเอี่ยวได้ทำหนังสือสำคัญเปนอักษรจีนให้โจทย์ยึดถือไว้ ๒ ฉบัพ และโจทย์ได้อาศรัยเอาเข้าเปลือกรายนี้ไว้ในยุ้งของนายแก้ว อยู่สำราญ ครั้นโจทย์จัดคนจะขนเข้าขึ้นบรรทุกตู้รถไฟ จำเลยได้ร้องขัดขวางว่าเข้ารายนี้เปนมรฎกของนายเขียน อยู่สำราญ ซึ่งจำเลยได้ฟ้องเรียกมรฤกจากนางแก้วจำเลยในคดีแพ่งเลขที่ ๑๒/๒๔๖๒ กระทำให้โจทย์เสียหายเปนเงิน ๕๐๐ บาท ขอให้จำเลยคืนเข้าเปลือก ๕๒ เกวียนฤาใช้เปนราคาเงิน ๘๔๕๖ บาท กับค่าเสียหายให้โจทย์ ฯ
จำเลยทั้ง ๒ ให้การแลยื่นคำร้องเพิ่มเติมว่าเข้าเปลือกรายนี้เปนของนายเขียว อยู่สำราญ ซึ่งจำเลยได้ฟ้องเรียกมรฎกจากนางแก้ว อยู่สำราญในคดีเลขที่ ๑๒/๒๔๖๒ นายเอี่ยวเปนบุตรเขยนางแก้วคบคิดกับโจทย์โดยสมยอมเพื่อป้องกันมิให้จำเลยรับมรฎกนายเขียว แลคัดค้านว่าแม้นายเอี่ยวจะขายเข้าเปลือกให้โจทย์แล้วนายเอี่ยวส่งเข้าเปลือกไม่ได้ โจทย์ก็ควรฟ้องเรียกเข้าเปลือกจากนายเอี่ยว ฤาให้นายเอี่ยวมาฟ้องเรียกจากจำเลย ฯ
ศาลจังหวัดสวรรคโลกพิจารณาแล้ว ฟังว่านายเอี่ยวได้ขายเข้าเปลือกรายนี้ให้โจทย์เด็ดขาดแล้ว เข้าเปลือกจะเปนของนายเอี่ยวฤาเปนของนายเขียวก็ไม่เปนข้อสำคัญ เพราะปรากฎว่านายเอี่ยวเปนตัวแทนนายเขียวทำการในป่าที่ตลอดมา จำเลยไม่มีอำนาจขัดขวางเข้าเปลือกรายนี้ไว้ได้ พิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยขัดขวางแก่การที่โจทย์จะขนเข้าเปลือก ๕๒ เกวียนไป ถ้าจำเลยจะเอาเข้าไว้ก็ให้ใช้ราคาเข้า ๘๔๕๖ บาทกับค่าเสียหายอีก ๒๐๐ บาทให้โจทย์ ฯ
จำเลยอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาทับสัตย ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมปฤกษาคดีนี้ตลอดแล้ว ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒ เปนภรรยาแลบุตรนายเขียวผู้ตาย จำเลยได้ฟ้องเรียกมรฎกนายเขียวคดีที่ ๑๒/๒๔๖๒ จากนางแก้วซึ่งเปนภรรยานายเขียว แต่นายเอี่ยวนั้นเปนบุตรเขยนางแก้ว ส่วนเข้าเปลือกรายพิภาษนี้ ทางพิจารณาตามหลักฐานที่โจทย์นำสืบมานั้น นอกจากคำตัวโจทย์เองแลนายเอี่ยวผู้ขายเข้าเปลือกให้โจทย์แล้ว โจทย์หามีพยานปากใดเบิกความยืนยันประกอบคำนายเอี่ยวที่ควรฟังได้ไม่ ฝ่ายพยานจำเลยหลายปากเบิกความประกอบกันมีเหตุผลอันควรฟังได้ว่านายเขียวเปนคนค้าขายเข้าใข้ญี่ห้อว่า เฮงเสง แต่นายเขียวเปนคนเสียจักษุให้นายเอี่ยวบุตรเขยนางแก้วเปนผู้ทำการค้าขายแทนนายเขียวในนามฤาญี่ห้อของนายเขียวต่อ ๆ มาจนนายเขียวตาย แต่ตัวนายเอี่ยวนั้นมาปรากฎว่ามีญี่ห้อทำการค้าขายซึ่งเปนส่วนของตนเองแต่อย่างใดไม่ส่วนเข้าเปลือกรายนี้มีอยู่ตั้งแต่นายเขียวยังไม่ตาย แลเมื่อนายเขียวตายแล้ว นาแก้วยังได้บอกแก่กำนันเหว่ามีเข้าเปลือกของนายเขียวอยู่ในยุ้งหลังสถานีรถไฟจังหวัดสวรรคโลกอีกหลายสิบเกวียน เมื่อพนักงานประกาศปิดเข้า ๆ รายนี้ก็ยังอยู่ในยุ้งของนายเขียวนั้นเอง แลยุ้งนั้นก็ยังปิดญี่ห้อ เฮงเสง ซึ่งเปนญี่ห้อของนายเขียวดังนี้ คดีฟังได้ว่าเข้าเปลือกรายพิภาษนี้หาใช่เปนของนายเอี่ยวญี่ห้อเช่งกี่ไม่ นายเอี่ยวเปนแต่ผู้จัดการซื้อขายเข้าแทนนายเขียวเท่านั้น แม้จะฟังว่านายเอี่ยวเปนผู้ขายเข้าเปลือกแทนนายเขียวก็ดี เข้าเปลือกนั้นก็อยู่ในยุ้งของนายเขียว นางแก้วมาแต่เดิมนั้นเอง โจทย์หาได้ตวงเข้าแลขนเข้าเปลือกไปจากยุ้งฉางเปนการซื้อขายสำเร็จเด็ดขาดแล้วไม่ จำเลยผู้ฟ้องมรฎกนายเขียวก็มีอำนาจขัดขวางเข้าเปลือกรายพิภาษนี้ได้ ฎีกาจำเลยดังขึ้น จึงพิพากษาให้ยกคำตัดสินศาลล่างทั้ง ๒ แลยกฟ้องโจทย์ ให้โจทย์เสียค่าธรรมเนียมแทนจำเลยทุกศาล กับค่าทนายความ ๓ ศาล ๖๐๐ บาทให้จำเลยด้วย ฯ
วันที่ ๘ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓