คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๐ เวลากลางคืน จำเลยกับพวกได้ใช้อาวุธเหล็กมีคมทำร้ายร่างกายนายย้อยมีบาดแผลแตกรวม ๕ แผล รุ่งขึ้นนายย้อยได้ขาดใจตายด้วยพิษบาดแผลนั้นที่ตำบลบางกระสอบ จังหวัดพระประแดง แลจำเลยได้ต้องโทษเรื่องทำร้ายร่างกายมีกำหนดโทษจำคุก ๖ เดือนมาครั้งหนึ่งแล้ว พ้นโทษเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๘ โจทย์จึงขอให้ลงโทษแลเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙ – ๒๕๐ – ๒๕๑ แล ๗๒ ส่วนนายเฉยโจทย์ขอเรียกเบี้ยปรับเปนเงิน ๑๐๐๐ บาทด้วย ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธข้อหา ต่อสู้ว่าเมื่อนายย้อยถูกทำร้ายจำเลยยืนดูอยู่กับผู้มีชื่อ แต่จำเลยคงรับได้เคยต้องโทษมาครั้งหนึ่งจริง ฯ
ศาลจังหวัดพระประแดงพิจารณาแล้วทำความเห็นส่งคดียังศาลพระราชอาญา ศาลพระราชอาญาพิพากษาว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานฆ่านายย้อยตายโดยไม่เจตนา ต้องตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๑ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑๕ ปี แลให้เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวมเปนโทษจำคุก ๒๐ ปี กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้นายเฉยบิดานายย้อย ๕๐๐ บาท ฯ
จำเลยอุทธรณเฉพาะส่วนอาญา ศาลอุทธรณกรุงเทพฯ พิพากษานั้นตามคำพิพากษาศาลพระราชอาญา ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปฤกษาคดีนี้ คงได้ความตามทางพิจารณาว่า เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๐ เวลากลางคืนที่วัดใหม่ตาดวง จังหวัดพระประแดงได้มีงานศพมีคนไปประชุมมาก จำเลยกับนายย้อยไปไปในงานนั้นด้วย ครั้นเวลาเที่ยงคืนล่วงแล้วจึงได้เกิดเหตุวิวาททำร้ายกันขึ้น โดยในชั้นต้นมีคนเอาอิฐปาถูกนายย้อย ๆ วิ่งไล่คนที่ปา แล้วมีพวก ๔ – ๕ คนครูกันออกกลุ้มรุมทำร้ายนายน้อยด้วยเหล็กมีคม นายย้อยถูกทำร้ายมีบาดแผล ๕ แห่ง ดังปรากฎตามคำชันศูจน์พลกิศพ นายย้อยถึงแก่ความตายด้วยพิษบาดแผลที่ถูกทำร้ายในตอนรุ่งเช้าเวลาประมาณ ๘ นาฬิกาก่อนเที่ยง ในข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยจะได้เปนคนหนึ่งในพวกที่ได้กลุ้มรุมทำร้ายนายย้อยฤาไม่นั้น พยานโจทย์มีหลายปากซึ่งเปนพยานอยู่ในฐานที่เกิดเหตุ แลโดยมากไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายใด เบิกความยืนยันมั่งคงว่จำเลยได้เปนพวกกลุ้มรุมทำร้ายนายย้อย จำเลยถือมีดแลเปนผู้ลงมือฟันนายย้อยพร้อมด้วยพวกอีก ๓ – ๔ คน ซึ่งมีมีดเหมือนกัน แต่จำเลยจะเปนผู้ฟันถูกแผลไหน แลจะเปนแผลสำคัญที่ทำให้นายย้อยตายฤาไม่ พยานไม่ปรากฎแจ้งชัด ส่วนคำพยานจำเลยที่เบิกความประกอบข้ออ้างในข้อต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เปนพวกวิวาท โดยกล่าวว่าเวลานั้นจำเลยยืนดูอยู่เฉย ๆ บนศาลาบ้าง ที่ถนนบ้าง พยานบางคนว่าได้เห็นจำเลยอยู่เฉย ๆ ถึง ๑๐ นาที บางคนว่าไม่เห็นมีเหตุอะไรในขณะที่พยานอ้างถึง คำพยานเหล่านี้เปนพยานที่แตกต่างกันแลไม่สมเหตุสมผล แลพยานที่ว่าไม่เห็นมีเหตุอะไรนั้น ก็คงจะเปนด้วยพยานไม่ได้เบิกความถึงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเอง ตามหลักฐานพยานที่กล่าวมานี้ กรรมการ
ศาลฎีกาเห็นว่าคำพยานโจทย์มีน้ำหนักฟังได้ว่าจำเลยได้เปนคนลงมือทำร้านนายย้อยจริงดังโจทย์หา พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างหลักฐานของโจทย์ได้ แลจำเลยผู้นี้เคยรับโทษมาครั้งหนึ่งแล้ว มากระทำผิดลงอีกภายใน ๕ ปี ศาลล่างพิพากษาชี้ขาดต้องกันมาให้ลงโทษแลเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๕๑ แล ๗๒ รวมกำหนดโทษให้จำคุกจำเลย ๒๐ ปี นั้นชอบด้วยทางพิจารณาและกฎหมายแล้ว ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุที่จะชนะคดีได้ จึงพร้อมกันพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ แลให้ยกฎีกาจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๖ กรกฎาคม พระพุทธศักราช๒๔๖๓

Share