คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17838/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการครูฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการครูและผู้ใต้บังคับบัญชาโจทก์ ในความผิดทางอาญาฐานเบิกความเท็จ นำสืบแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ และความผิดทางแพ่งในมูลละเมิดเรียกค่าเสียหาย ในคดีแพ่งคู่ความสามารถตกลงกันได้โดยจะไปดำเนินการถอนเรื่องที่ยื่นฟ้องกันไว้ที่ศาลปกครองทั้งหมด รวมถึงคดีแพ่งและคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นนี้ โดยจะไม่นำมาฟ้องร้องอีกเว้นแต่จะเกิดการกระทำขึ้นใหม่ ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 ถอนฟ้องและถอนอุทธรณ์ในคดีอาญา แต่จำเลยทั้งสองไม่ถอนฟ้องคดีที่ฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองขอนแก่น เนื่องจากโจทก์มิได้เพิกถอนคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนจำเลยทั้งสองและคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ การที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาในส่วนของข้อตกลงที่ให้ไปถอนเรื่องที่อยู่ในระหว่างดำเนินการทั้งหมดรวมทั้งเรื่องที่ยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองขอนแก่น ระบุเพียงว่า โจทก์จำเลย (หมายถึงจำเลยที่ 1 ในคดีนี้) เท่านั้น โดยมิได้ระบุให้จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ (ซึ่งอยู่ในห้องพิจารณาด้วย) ไปยื่นคำร้องขอถอนเรื่องด้วย ข้อตกลงตามรายงานดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และย่อมไม่ถือว่าจำเลยที่ 2 ผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 แต่สำหรับจำเลยที่ 1 เมื่อไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงย่อมตกเป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์
ส่วนความรับผิดในค่าเสียหาย เมื่อจำเลยที่ 1 ถอนอุทธรณ์คดีที่ฟ้องโจทก์แล้วย่อมไม่ทำให้โจทก์เสียหายมากนัก เห็นควรไม่กำหนดค่าเสียหายในกรณีที่โจทก์ได้ถอนฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญาแล้ว ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่ศาลปกครองนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ยังมีสิทธิฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองขอนแก่น โจทก์จึงยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่ศาลดังกล่าวเช่นเดิม การที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีต่อไปฟังไม่ได้ว่าเป็นความเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาของจำเลยที่ 1 ส่วนค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศของโจทก์ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่าประสงค์จะเรียกค่าเสียหายส่วนนี้จึงไม่อาจกำหนดได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 500,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า จำเลยทั้งสองต้องร่วม กันรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาประการแรกว่า ข้อตกลงในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 66/2552 เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจากการที่โจทก์ถอนฟ้องคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 66/2552 ที่โจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 500,000 บาท และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศาล ว่าจ้างทนายความ และเสียชื่อเสียงที่ถูกฟ้องต่อศาลโดยปราศจากมูลความจริง ซึ่งค่าเสียหายในส่วนที่เกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศของโจทก์ แม้โจทก์ไม่นำสืบ ศาลสามารถที่จะกำหนดค่าเสียหายได้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการกระทำของจำเลยทั้งสองซึ่งไม่เกิน 500,000 บาท นั้น เห็นว่า แม้ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 66/2552 ระบุว่า ทั้งสองฝ่าย คือ หมายถึงโจทก์และจำเลยทั้งสองจะยุติเรื่องการฟ้องร้องคดีอาญาและคดีแพ่งรวมทั้งคดีที่จำเลย (จำเลยที่ 1 คดีนี้) ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองขอนแก่น แต่ในส่วนของข้อตกลงที่ให้ไปถอนเรื่องที่อยู่ในระหว่างดำเนินการทั้งหมดรวมทั้งเรื่องที่ยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองขอนแก่น ระบุเพียงว่าโจทก์จำเลย (จำเลยที่ 1 ในคดีนี้) ตกลงจะไปยื่นคำร้องขอถอนเรื่องเท่านั้น มิได้ระบุให้จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ไปยื่นคำร้องขอถอนเรื่องด้วย ข้อตกลงตามรายงานดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 2 มิได้ไปยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีที่ศาลปกครองขอนแก่นจึงมิได้เป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 เมื่อตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น มิได้ระบุให้โจทก์ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งลงโทษจำเลยทั้งสองด้วยจำเลยที่ 1 จะอ้างเป็นเหตุไม่ไปยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีที่ฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองขอนแก่นหาได้ไม่ จำเลยที่ 1 จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์ มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ เพียงใดนั้น ที่โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า โจทก์ได้รับความเสียหายที่โจทก์ได้ถอนฟ้องสองคดีดังกล่าวไป ก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ถอนอุทธรณ์คดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ให้แล้ว ไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายมากนัก ยังไม่สมควรกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้ ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่ศาลปกครอง เมื่อจำเลยที่ 2 ยังมีสิทธิฟ้องโจทก์ต่อศาลปกครองขอนแก่น โจทก์จึงยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่ศาลปกครองขอนแก่นหรือศาลปกครองอุดรธานีเช่นเดิม การที่โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีต่อไปในศาลปกครองฟังไม่ได้ว่าเป็นความเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาของจำเลยที่ 1 สำหรับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศของโจทก์ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่าโจทก์ประสงค์จะเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศของโจทก์จากจำเลยทั้งสองด้วย ศาลย่อมไม่อาจกำหนดค่าเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงเกียรติยศให้โจทก์ได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาให้สิ่งใดๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share