คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โรงเรือนเป็นของจำเลย อยู่ในเขตเทศบาลจำเลย มิได้ปิดไว้และจำเลยมิได้อยู่เอง หรือให้ผู้อื่นอยู่ หากแต่มีผู้เช่าอยู่สืบมาจากเจ้าของเดิม แต่ผู้เช่าบิดพลิ้วไม่ยอมออกไป ดังนี้ ไม่อยู่ในข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 9(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของและให้เช่าโรงเรือนในเขตเทศบาลนครกรุงเทพรวม 74 ห้อง ได้ยื่นแบบ ภ.ร.ด.2 แสดงรายการเสียภาษีโรงเรือนต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ประเมินภาษี และแจ้งให้จำเลยไปชำระภาษีตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงพ.ศ.2508 เป็นเงินค่าภาษีทั้งสิ้น 70,050 บาท โดยให้จำเลยชำระภายใน 90 วัน จำเลยทราบแล้วไม่ชำระภายในกำหนด จึงต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 7,005 บาทด้วย ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงิน 77,055 บาท

จำเลยให้การว่า เป็นเจ้าของตึกแถวตามฟ้องจริง โดยซื้อจากเจ้าของเดิมเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2503 บุคคลที่อยู่ในตึกแถวนั้นอยู่โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย เป็นการละเมิดต่อจำเลย จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนให้โจทก์ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินภาษีพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าผู้ที่อยู่ในห้องรายที่โจทก์เรียกเก็บภาษีโรงเรือนนั้นอยู่โดยละเมิดสิทธิจำเลย โดยจำเลยมิได้ให้อยู่ จำเลยจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือน พ.ศ.2475 มาตรา 9(5) นั้น ได้ความว่า เมื่อ พ.ศ.2503ที่จำเลยซื้อห้องพิพาทจากนายจิตร กิจพานิช นั้นได้มีคนเช่าอยู่ในห้องแล้ว จำเลยมีหนังสือให้บุคคลเหล่านั้นมาติดต่อกับจำเลย บุคคลเหล่านั้นไม่ยอมมา โดยต่อสู้ว่าเช่าห้องมาจากเจ้าของเดิมจำเลยจึงฟ้องขับไล่ ปรากฏว่าห้องของจำเลยมิได้ปิดไว้และเจ้าของมิได้อยู่เองหรือให้ผู้อื่นอยู่หากแต่มีผู้เช่าอยู่สืบมาจากเจ้าของเดิม แต่ผู้เช่าบิดพลิ้วไม่ยอมออกไป จึงไม่เข้าอยู่ในข้อยกเว้นตามบทกฎหมายที่จำเลยอ้าง จำเลยจึงไม่ได้รับยกเว้นในการเสียภาษี

เมื่อวินิจฉัยข้ออื่นด้วยแล้ว พิพากษายืน

Share