คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฉุดหญิงที่เป็นภรรยาจำเลยโดยไม่จดทะเบียนตามกฎหมายให้กลับไปอยู่กินด้วยกัน ลุงของหญิงห้าม จำเลยไม่ฟังจึงตบหน้าจำเลย 1 ที ชก 1 ที จำเลยแทงด้วยตะไบที่ท้อง ตายในวันนั้นเองเป็นความผิดตาม มาตรา 249 และไม่มีเหตุลดโทษฐานยั่วโทสะ
รับว่าแทงเขาเพื่อต่อสู้ว่าป้องกันและยั่วโทสะซึ่งฟังไม่ได้ และเหตุเกิดต่อหน้าคนโดยเปิดเผย ถึงจะรับหรือไม่รับก็เท่ากัน ไม่ควรลดโทษตาม มาตรา 59

ย่อยาว

โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 2 เดือนกันยายน พุทธศักราช 2497

นายทอก ท่าวารี อายุ 51 ปี ถูกจำเลยอายุ 58 ปี แทงด้วยเหล็กแหลมตะไบสามเหลี่ยม ที่ท้องด้านซ้ายใต้ซึ่โครงเป็นบาดแผลสามเหลี่ยมด้านเท่าด้านละ 11/2 เซ็นติเมตร ลึกทะลุภายใน เมื่อตอนเย็นราว 16.00 หรือ 17.00 น. ของวันที่ 27 พฤศจิกายน 2496 อยู่ได้พอจวนสว่างของคืนนั้นก็ขาดใจตาย เพราะพิษบาดแผลนี้เหตุเกิดตำบลท่าเกษม กิ่งอำเภอสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

ชั้นแรกจำเลยให้การว่ากระทำโดยทางป้องกันตัว ภายหลังขอแก้เป็นถูกยั่วโทสะ และโดยไม่เจตนาให้ถึงตาย

ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี พิจารณาฟังว่าจำเลยฆ่าโดยเจตนา วางโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก 16 ปี และกระทำโดยบันดาลโทสะตาม มาตรา 55 เพราะนายทอกทำร้ายก่อน ลดโทษกึ่งทั้งจำเลยรับสารภาพโดยดีมาตั้งแต่ต้น เป็นประโยชน์แก่ทางพิจารณาอยู่มาก ลดฐานปรานีตามมาตรา 59 ให้อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 ปีริบเหล็กแหลมของกลาง

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

โจทก์ค้านว่า กรณีไม่เป็นบันดาลโทสะ และไม่ได้รับสารภาพเป็นประโยชน์แก่ทางพิจารณา ควรรับโทษเต็มตามศาลชั้นต้นกำหนดไม่ควรลดทั้ง 2 ประการ

จำเลยว่า ควรผิดเพียงทำให้ตายโดยไม่เจตนา ส่วนลดลงโทษด้วยลักษณะ 2 ประการ นั้นถูกแล้ว

ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยข้ออุทธรณ์ของจำเลยว่า กระทำตายโดยไม่เจตนาแก้เป็นผิด้วยมาตรา 251 จำคุก 10 ปี ลดเพราะเหตุ 2 ประการลงทีละกึ่งคงให้จำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ได้ความจากพยานโจทก์ว่าก่อนเกิดเหตุร่วม 1 ปี จำเลยอยู่กินกับนางทิพย์อายุ 30 ปีได้เสียกันเอง มิได้จดทะเบียนสมรส ก่อนหน้าเกิดเหตุประมาณ 1 เดือนจำเลยทุบตีเลยแตกร้าวเลิกกัน นางทิพย์กลับจากบ้านจำเลยไปอยู่กับมารดา ในเย็นวันเกิดเหตุนางทิพย์เอาได้จะไปต่อไฟที่บ้านนางพันซึ่งห่างไปสัก 4 เส้น เพื่อจะไปใช้หุงข้าว พอถึงใต้ถุนบ้านนั้นจำเลยก็ไปถึงถือเหล็กตะไบแหลมสามเหลี่ยมยาวสัก 1 ฟุต เฉพาะตัวเหล็ก (ไม่เกี่ยวกับด้าม) ยาวสัก 7 นิ้วฟุต ตรงเข้าจับแขนฉุดเพื่อให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก และว่าจะไปหรือไม่ไป ไม่ไปจะกินเลือดมึงนางทิพย์ว่าไม่ไป นางทิพย์อยู่ในฐานะคับขันกลัวตายเป็นอย่างยิ่งก็ร้องไห้พอดีนายทอกผู้ตายซึ่งเป็นลุงนางทิพย์และอยู่ใกล้ ๆ นั้นมาถึงก็เข้าห้ามปรามแต่โดยดีว่าอย่าทำกันเลย ให้พ่อแม่เขามาก่อนจึงพูดกันจำเลยไม่ยอมฟัง โต้เป็นความว่า อย่ามาอวดดี เมียของฉัน ฉันจะเอาไปพ่อจะมีสิทธิอะไร อยากได้เรื่องหรือ ผู้ตายว่าจะมาเอาเรื่องอะไรมาห้ามดี ๆ ไปหลับไปนอนเสีย แล้วผลักจำเลยจำเลยว่าไปหลับไปนอนอะไร พ่อจะมีสิทธิ์อะไร พ่อมีโอวาทอะไรจะมาห้ามฉันไม่ใช่ธุระอะไรของพ่อ อย่ามายุ่ง ผู้ตายจึงตบหน้า 1 ที ชก 1 ที จำเลยใช้เหล็กตะไบแหลมสามเหลี่ยมที่เตรียมถืออยู่ในมือมาแต่แรกแทงพุงผู้ตายมีบาดแผลทะลุใน มีนายสวยเข้าแย่งเหล็กตะไบแหลมมาจากจำเลยและพยุงผู้ตายไปส่งบ้าน อาการสาหัสและถึงขาดใจตายเพราะพิษบาดแผลดังกล่าวแล้ว

ได้ความดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ตายมิใช่เป็นผู้ก่อเรื่องขึ้นก่อนเลย จำเลยต่างหากที่เป็นผู้บังอาจก่อการร้ายมาแต่ต้นไม่มีสิทธิอันใดที่จะมาฉุดบังคับขู่เข็ญ ทำตัวเป็นเจ้าของร่างกายและชีวิตของนางทิพย์นอกเหนือกฎหมาย ถึงเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมายก็ยังไม่มีสิทธิอันใดจะกดขี่ข่มเหงให้เสื่อมเสียอิสระเสรีภาพของมนุษย์ชนได้เช่นนั้น นี่ก็ไม่ใช่เมีย ไม่ใช่หัวหน้าในครอบครัวของนางทิพย์แล้ว แต่กลับใช้อำนาจนอกกฎหมายกดขี่ข่มเหงอย่างทารุณโหดร้าย เข้าจับฉุดบังคับขู่เข็ญโดยพลการจะให้นางทิพย์ไปอยู่กินกับจำเลยอีกให้จนได้ หากขัดขืนก็พร้อมที่จะทำลายชีวิตเสียวาจาและอาวุธเหล็กตะไบแหลมที่ถือพร้อมด้วยกิริยาอาการเอาจริงเอาจังโดยมีฤทธิสุราเข้าช่วยสมทบ แสดงว่าพร้อมที่จะเอาชีวิต

นอกจากนางทิพย์จะยอมเสียอิสระเสรียอมไปอยู่กินกับจำเลยอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะปลอดภัย ในสถานการณ์คับขันแก่หลานของตนถึงปานดังนี้แล้ว จะโทษผู้ตายอย่างไรในการที่เข้าห้ามปรามอันเป็นลักษณะเข้าป้องกันชีวิตภยันตรายของนางทิพย์ผู้หลานไว้ด้วยสันติวิธีหากแต่จำเลยดุดื้อถึงขนาดไม่ยอมฟังเสียงอะไรทั้งนั้น พูดรวนท้าทายลงท้ายผู้ตายก็ต้องเสียชีวิตไปแทนนางทิพย์ ด้วยการกระทำของจำเลยนั้นเอง

จริงอยู่ตามคำพยานปรากฏว่าผู้ตายได้ทำอะไรแก่จำเลยไปบ้างแต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเพราะผู้ตายถูกจำเลยยั่วท้าทาย และอาจเป็นโดยผู้ตายคิดว่าจำเลยคงจะไม่กล้าทำร้ายตนซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของหญิงคงจะต้องเคารพยำเกรงกันบ้าง ขึ้นต้นจึงเพียงผลัก ครั้นเห็นไม่สำเร็จจึงตบและชก เพื่อให้กลัว ไม่เอานางทิพย์ไป แต่เพียงเท่านี้ก็ไม่มีเหตุแก้ตัวตามกฎหมายที่จำเลยแทงพุงเขาด้วยศาสตราวุธคมแหลมถึงทะลุใน

ที่ศาลทั้งสองวินิจฉัยว่าพฤติการณ์เช่นนี้จำเลยกระทำผู้ตายตายโดยทางผู้ตายยั่วโทสะก่อนนั้น ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วยและก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยทางป้องกัน

ผู้ตายเข้าห้ามโดยดีด้วยมือเปล่า จำเลยใช้ศาสตราวุธร้ายแรง(ที่มุ่งมั่นเอามาเพื่อการร้ายเอาชีวิตกันแต่ต้น) แทงผู้ตายในที่สำคัญแผลฉกรรจ์ และถึงขาดใจตายภายในไม่เกิน 14 ชั่วโมงเช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยฆ่าให้ตายโดยเจตนา

เมื่อพิเคราะห์ถึงเหตุปรานี ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่ได้รับสารภาพให้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอย่างใด ต่อสู้อยู่ตลอดเวลาว่าป้องกันบ้างยั่วโทสะบ้าง ส่วนการรับข้อแทงก็เพื่อเชื่อมโยงประกอบข้อที่ยกขึ้นต่อสู้ไว้ และถึงรับหรือไม่รับก็เท่ากัน เกิดเหตุกลางวันแสก ๆ จำนนต่อผู้คนรู้เห็นเปิดเผย และจำเลยถูกกำนันจับได้ในเวลากระชั้นชิดตามรูปเรื่องก็ไม่เห็นมีเหตุควรปรานีแก่จำเลยตามมาตรา 59

โทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาและโจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อดุลพินิจนี้ก็นับว่าเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว

ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

เหตุนี้จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 16 ปีฐานฆ่านายทอกตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249ส่วนอาวุธของกลางคงให้ริบ

Share