คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้คลองมหาชัยจะมีเขื่อนกั้นอยู่บริเวณปากคลอง แต่มิได้ปิดกั้นตลอดเวลา เป็นการปิดกั้นเพื่อป้องกันน้ำทะเลหนุน คลองมหาชัยยังเป็นคลองที่ประชาชนใช้ในการสัญจรไปมาอยู่ในปัจจุบัน จึงเป็นทางสาธารณะตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 1349 การที่ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่มิได้ใช้เป็นทางสัญจรทางน้ำ เนื่องจากไม่สะดวกเท่าการสัญจรทางบก หาได้ทำให้คลองมหาชัยสิ้นสภาพการเป็นทางสาธารณะไปไม่ เมื่อที่ดินของโจทก์ทั้งสองอยู่ติดคลองมหาชัย ซึ่งเป็นทางสาธารณะอยู่แล้ว โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยเปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าเปิดทางจำเป็นทางด้านทิศเหนือของที่ดินของจำเลยทั้งห้าโดยให้โจทก์ทั้งสองทำถนนกว้างประมาณ 4 เมตร ยาวประมาณ 6 เมตร เพื่อให้โจทก์ทั้งสองสามารถนำรถยนต์แล่นเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้ ซึ่งพอสมควรแก่ความจำเป็นของโจทก์ทั้งสอง และไม่ทำให้จำเลยทั้งห้าต้องเสียหายมากโดยโจทก์ทั้งสองยินยอมชดใช้ค่าทดแทนให้จำเลยทั้งห้าเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท
จำเลยทั้งห้าให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนรั้วสังกะสีของจำเลยทั้งห้าที่สร้างปิดกั้นทางออกของบ้านโจทก์ทั้งสอง โดยให้มีความกว้าง 4 เมตร และยอมให้โจทก์ทั้งสองกับบริวารใช้ทางบกที่ดินโฉนดเลขที่ 2644 ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ของจำเลยทั้งห้าตามทางพิพาทเดิมยาวตลอดแนวเริ่มตั้งแต่แนวเขตที่ดินทางด้านทิศใต้ของโจทก์ทั้งสองไปจดทางสาธารณะเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ทางสาธารณะได้ โดยโจทก์ทั้งสองต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่จำเลยทั้งห้าเป็นเงินรายปี ปีละ 5,000 บาท หากจำเลยทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งห้า
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ที่ดินของโจทก์ทั้งสองทางด้านทิศเหนือติดคลองมหาชัย ทิศใต้ติดที่ดินของจำเลยทั้งห้า ทิศตะวันออกติดที่ดินของนางสำรวย สุขผล และทิศตะวันตกติดที่ดินของนายทวี ทองดี มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า คลองมหาชัยเป็นทางสาธารณะตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า คลองมหาชัยมีเขื่อนโครงการแก้มลิงกั้นอยู่บริเวณปากคลอง หากเขื่อนปิดกั้นเรือก็ไม่สามารถแล่นผ่านได้ ปัจจุบันไม่มีเรือโดยสารรับจ้างสาธารณะแล้ว การเดินทางโดยทางเรือจึงเป็นไปด้วยความลำบาก ประชาชนหันมาเดินทางโดยทางรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นทางสาธารณะ เห็นว่า แม้คลองมหาชัยจะมีเขื่อนโครงการแก้มลิงกั้นอยู่บริเวณปากคลองแต่ก็ได้ความจากนายวุฒิพงษ์ หมอปาน พยานโจทก์ทั้งสองตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า คลองมหาชัยยังมีชาวบ้านบางคนใช้เรือส่วนตัวสัญจรไปมา เพียงแต่ไม่ได้ใช้สัญจรไปยังจังหวัดสมุทรสาครเนื่องจากไกลเท่านั้น จึงเจือรับกับคำเบิกความของนายทวี ทองดี พยานจำเลยทั้งห้าว่า คลองมหาชัยมีน้ำตลอดปี ประชาชนยังใช้ในการสัญจรไปมา การเดินทางไปจังหวัดสมุทรสาครบางครั้งพยานจะใช้เรือส่วนตัวซึ่งเป็นเรือหางยาวเป็นพาหนะ ส่วนเขื่อนโครงการแก้มลิงที่โจทก์ทั้งสองอ้างว่าหากเขื่อนปิดกั้นเรือก็ไม่สามารถแล่นผ่านได้นั้น ก็ได้ความจากโจทก์ทั้งสองเองว่าเขื่อนจะปิดกั้นกรณีเพื่อป้องกันน้ำทะเลหนุน แสดงว่าการปิดกั้นมิได้ทำตลอดเวลา คลองมหาชัยจึงเป็นทางสาธารณะตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 การที่ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่มิได้ใช้เป็นทางสัญจรทางน้ำ เนื่องจากไม่สะดวกเท่าการสัญจรทางบก หาได้ทำให้คลองมหาชัยสิ้นสภาพการเป็นทางสาธารณะไปไม่ เมื่อที่ดินของโจทก์ทั้งสองอยู่ติดคลองมหาชัยซึ่งเป็นทางสาธารณะอยู่แล้ว โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยเปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นได้อีก”
พิพากษายืน

Share