คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การคิดค่าภาษีศุลกากรต้องคิดตามอัตราในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาเสียภาษี ซึ่งเจ้าพนักงานออกใบขน แม้ต่อมาประกาศใช้พิกัดอัตราใหม่โดยยังไม่ส่งของออก ก็คิดภาษีตามพิกัดใหม่ไม่ได้.
เจ้าพนักงานศุลกากรเรียกเงินประกันค่าภาษีจากผู้ขนส่งที่จะเรียกภาษีเพิ่มจากผู้ส่งของ ความจริงจะเรียกภาษีเพิ่มไม่ได้ เมื่อผู้สั่งของรับโอนสิทธิเรียกร้องในเงินนั้นและแจ้งให้กรมศุลกากรทราบแล้ว ผู้ส่งของย่อมฟ้องเรียกเงินนั้นได้.

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์ได้ส่งปลาเค็มไปฮ่องกงโดยเรือฟูซิงของบริษัท อ. โจทก์ได้เสียค่าภาษีศุลกากร เป็นเงิน ๗,๔๙๑ บาท ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๘๙ เจ้าหน้าที่ศุลกากรออกใบขนให้แล้ว ในระหว่างที่ของของโจทก์ส่งไปที่เกาะสีชังเพื่อส่งออก ก็มีกฎหมายพิกัดอัตราศุลกากร (ฉะบับที่ ๖) ๒๔๘๙ ออกมา จำเลยสั่งให้โจทก์เสียค่าภาษีตามอัตราใหม่ โจทก์ไม่ยอม บริษัท อ.ผู้ขายส่งจึงได้วางเงินแก่จำเลย ๑๔๐,๙๐๔ บาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนที่โจทก์จะต้องเสียเพิ่มตามอัตราใหม่ เพื่อกันความเสียหายแก่บริษัท อ. และเพื่อเป็นประกันว่าถ้าโจทก์จะต้องเสียเพิ่มแล้ว โจทก์ไม่เสียก็ให้จำเลยเอาเงินนี้ใช้ค่าภาษีเพิ่ม จำเลยได้ยอมให้สินค้าของโจทก์ออกนอกประเทศ และเอาจากเงินประกันรายนี้เป็นค่าภาษีเพิ่มโดยโจทก์ไม่ยอมเสียเพิ่ม บริษัท อ.ได้โอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ และโจทก์ได้แจ้งการโอนให้จำเลยทราบแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกเงินรายนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงิน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า
(๑) โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่า โจทก์ได้ชำระค่าภาษีโดยถูกต้องแล้ว ไม่ต้องเสียเพิ่มอีก และเมื่อโจทก์ไม่ต้องเสียเพิ่มแล้ว โจทก์ในฐานะผู้รับโอนสิทธิกับบริษัท อ.
(๒) ในประเด็นที่ว่า โจทก์จะต้องเสียภาษีเพิ่มตามกฎหมายที่ใช้ใหม่หรือไม่ เห็นว่ามาตรา ๑๐ อยู่ในหมวดที่ ๓ ว่าด้วยการเสียภาษี ส่วนมาตรา ๔๕-๔๖ อยู่ในหมวด ๓ ว่าด้วยการส่งของออก พิจารณาทั้ง ๓ มาตรานี้แล้วเห็นได้ว่า การเก็บค่าภาษีต้องเป็นไปตามมาตรา ๑๐.
จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง.

Share