คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1759/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของภริยาจำเลยที่ 2 เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องคัดค้านว่าจำเลยที่ 2 เป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญากู้ โดยภริยาจำเลยที่ 2 จำนองที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ ขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวชำระหนี้ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น ดังนี้ เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชำระแก่ผู้ร้องยังไม่ถึงกำหนดชำระ ผู้ร้องจะอาศัยอำนาจแห่งการจำนองบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของภริยาจำเลยที่ 2 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หาได้ไม่ และการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อและค่าเสียหาย โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของภริยาจำเลยที่ ๒ เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ ๒ เป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญากู้ในการกู้ยืมนี้ภริยาจำเลยที่ ๒ ได้เอาที่ดินที่โจทก์นำยึดมาทำสัญญาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้ของจำเลยที่ ๒ ผู้ร้องชอบที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ ขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดชำระหนี้ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่น
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า มูลหนี้จำนองระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ ๒ งวดแรก จำเลยที่ ๒ ได้ชำระให้ผู้ร้องแล้ว ส่วนงวดที่สองและงวดที่สามยังไม่ถึงกำหนดชำระ ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิเรียกร้องกับจำเลยที่ ๒ ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องและโจทก์ไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ เป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญากู้ กำหนดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ ๓ งวด งวดที่ ๑ ชำระภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๖ จำเลยที่ ๒ ได้ชำระหนี้งวดที่ ๑ แล้ว งวดที่ ๒ และที่ ๓ กำหนดชำระภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๗ และวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๘ ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ผู้ร้องจึงยังไม่อาจบังคับให้ชำระหนี้ได้ มีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นหนี้ผู้ร้องตามสัญญากู้ท้ายคำร้อง ภริยาจำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญาจำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้กับผู้ร้องเป็นประกันหนี้จำเลยที่ ๒ ในเมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ชำระหนี้นั้น ตามสัญญากู้ข้อ ๑๐ กำหนดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ ๓ งวด งวดแรกชำระภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๖ งวดที่ ๒ ชำระภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๗ และงวดที่ ๓ ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๘ จำเลยที่ ๒ ได้ชำระหนี้งวดแรกตามสัญญา หนี้งวดที่ ๒ และงวดที่ ๓ ยังไม่ถึงกำหนดชำระ เห็นว่า ภรรยาจำเลยที่ ๒ ได้จำนองที่ดินไว้กับผู้ร้องเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ในเมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ชำระหนี้เงินกู้ เมือหนี้ที่จำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดชำระแก่ผู้ร้องยังไม่ถึงกำหนดชำระผู้ร้องจะใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๒ ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระหาได้ไม่เมื่อหนี้ระหว่างจำเลยที่ ๒ กับผู้ร้องยังไม่ถึงกำหนดชำระ ผู้ร้องจะอาศัยอำนาจแห่งการจำนองบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของภรรยาจำเลยที่ ๒ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๙ หาได้ไม่ และการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ กระทบกระทั่งถึงบุริสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗
พิพากษายืน

Share