แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การตีความแสดงเจตนานั้น กฎหมายให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษร ในการแบ่งที่ดินระหว่างเจ้าของรวมซึ่งมีกรรมสิทธิ์คนละส่วนเท่า ๆ กัน แม้ฝ่ายหนึ่งจะตกลงให้อีกฝ่ายหนึ่งเลือกเอาก่อน โดยมิได้กำหนดวิธีการรังวัดแบ่งแยกไว้ชัดแจ้ง ก็มิได้หมายความว่า ฝ่ายที่มีสิทธิเลือก จะเลือกชี้แบ่งเอาได้ตามใจชอบ เมื่อมีปัญหาว่าจะแบ่งอย่างไรจึงจะถูกต้องตรงตามเจตนา ศาลย่อมต้องพิเคราะห์ถึงสภาพของที่ดินประกอบ เพื่อหยั่งทราบถึงเจตนาอันแท้จริง
โจทก์ 2 คนและจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมแบ่งที่ดินกันคนละส่วนเท่า ๆ กัน ที่ดินนั้นด้านตะวันออกติดทะเล และด้านตะวันตกมีทางออก ทางทิศเหนือสุดมีบ้านจำเลยปลูกอยู่ และทิศใต้สุดมีบ้านโจทก์ที่ 1 ปลูกอยู่ โจทก์ที่ 1 ได้ส่วนแบ่งของตนไปแล้ว โดยได้ที่ดินด้านทิศใต้สุดยาวจากทิศตะวันออกไปตะวันตก ส่วนที่เหลือ โจทก์ที่ 2 แถลงต่อศาลว่า ให้จำเลยเลือกเอาก่อนตามสภาพของที่ดินหากแบ่งเป็นส่วน ๆ เรียกต่อจากโจทก์ที่ 1 ยาวจากทิศตะวันออกไปตะวันตก ที่ดินจะมีทางออกและติดทะเลด้วยกันทุกแปลง หากแบ่งยาวจากทิศเหนือไปใต้ แปลงที่อยู่ติดทะเลจะถูกที่ดินอื่นล้อมขนาบไม่มีทางออก ย่อมเล็งเห็นเจตนาของโจทก์ที่ 2 ได้ว่า ประสงค์ให้แบ่งที่ดินเป็น 2 ส่วน ยาวจะทิศตะวันออกไปตะวันตกเรียงกันไป และติดทะเลด้วยกันทุกแปลง แล้วให้จำเลยเลือกเอาก่อนแปลงใดแปลงหนึ่ง ซึ่งไม่เดือดร้อนด้วยกันทุกฝ่าย จำเลยจะเลือกแบ่งให้โจทก์ที่ 2 ได้ที่ดินด้านติดทะเลแต่ถูกล้อมขนาดไม่มีทางออกหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาเรื่องการแบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ ๗๙๙ ระหว่างโจทก์ที่ ๒ กับจำเลย ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีว่า “ข้อ ๑ จำเลยยอมแบ่งที่พิพาทออกเป็น ๓ ส่วน เป็นของโจทก์จำเลยคนละส่วน ส่วนของนายผึ่ง โจทก์คือบริเวณที่ดิน ซึ่งนายผึ่งโจทก์อยู่ทุกวันนั้น ส่วนของนางอบ โจทก์ที่ ๒ กับส่วนของจำเลยให้รวมกันไว้”
ต่อมาโจทก์ทั้งสองขอให้ศาลเรียกตัวจำเลยมาเพื่อบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม คดีสำหรับโจทก์ที่ ๑ ไม่มีปัญหา สำหรับโจทก์ที่ ๒ แถลงต่อศาลว่า ส่วนของตน ๑ ใน ๓ ส่วน ซึ่งรวมอยู่กับจำเลยนั้น ให้จำเลยเลือกเอาก่อน ศาลแจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินให้รังวัดแบ่งแยกที่พิพาที่เหลือจากแบ่งให้โจทก์ที่ ๑ ให้แบ่งเป็น ๒ ส่วนตามแต่จำเลยนำชี้ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินแจ้งมายังศาลว่าจำเลยต้องการให้แบ่งโดยขีดเส้นทางทิศเหนือไปทางทิศใต้ เมื่อแบ่งแล้วจะทำให้ที่ดินแปลงหนึ่งติดทะเลอีกแปลงหนึ่งไม่ติด ฝ่ายนางอบ โจทก์ที่ ๒ นำรังวัดแบ่งแยกโดยขีดเส้นแบ่งจากทิศตะวันตกไปทางทิศทิศตะวันออกให้ได้เนื้อที่คนละเท่า ๆ กัน แบ่งแล้วที่ดินติดทะเลทั้งสองแปลง
ศาลชั้นต้นนัดสอบถามแล้วสั่งให้แบ่งที่ดินให้ตามที่จำเลยต้องการ ฯลฯ
โจทก์ที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๐๖ ศาลชั้นต้นจดคำแถลงของโจทก์ที่ ๒ ไว้แต่เพียง “นางอบโจทก์แถลงว่า ส่วนของตน ๑ใน ๓ ส่วนซึ่งรวมอยู่กับจำเลยนั้น จำเลยเลือกเอาก่อน” มิได้จดแจ้งวิธีการรังวัดแบ่งแยกไว้ให้วัดจากทิศไหนไปทิศไหน จึงมีปัญหาเรื่องการแปลเจตนาโจทก์ที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๒ บัญญัติว่า การตีความแสดงเจตนานั้น ท่านให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษร ศาลฎีกาเห็นว่า ในการแปลเจตนาของโจทก์ที่ ๒นั้น จะต้องพิเคราะห์ถึงสภาพที่ดินพิพาทประกอบด้วย ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องระบุว่าที่ดินโฉนดที่ ๗๙๙ ที่พิพาททิศตะวันออกจดทะเล มีบ้านโจทก์ที่ ๑ ซึ่งหมายสีเขียว อยู่ตอนใต้สุดซึ่งได้รังวัดแบ่งแยกส่วนของโจทก์ที่ ๑ ซึ่งอยู่ตอนใต้ไปแล้ว อีก ๒ ส่วนที่เหลือมีบ้านจำเลยซึ่งหมายสีแดงอยู่ตอนเหนือสุด ดังนี้เจตนาของโจทก์ที่ ๒ หรือแม้วิญญูชนทั่วไปก็ดี ย่อมเล็งเห็นว่า ถ้าแบ่งเป็นส่วน ๆ เรียงกันไปจากโจทก์ที่ ๑ คือวัดจากทิศตะวันออกซึ่งเป็นด้านที่ติดทะเลไปทางทิศตะวันตกเรียงเป็นลำดับไป ที่ดินจะมีทางออกและติดทะเลด้วยกันทุกแปลงหากแบ่งจากเหนือไปใต้แปลงที่ติดทะเลถูกที่ดินคนอื่นล้อมขนาบทั้งด้านหลังและด้านข้าง ไม่มีทางออกไปทางอื่นบนผืนแผ่นดินได้ นอกจากลงทะเลทางเดียว ดังนั้นที่โจทก์ที่ ๒ แถลงว่าให้จำเลยเลือกเอาก่อนนั้น ย่อมเล็งเห็นเจตนอันแท้จริงของโจทก์ที่ ๒ ได้ว่า ต้องการให้แบ่งที่ดินพิพาทที่เหลือ ๒ ส่วนจากทิศตะวันออกไปตะวันตกเรียงกันไปและติดทะเลด้วยกันทุกแปลง แล้วให้จำเลยเลือกเอาแปลงใดแปลงหนึ่งก่อน ซึ่งจะไม่เดือดร้อนด้วยกันทกฝ่าย หาใช่โจทก์ที่ ๒ เจตนาให้จำเลยกำหนดวิธีแบ่งให้ตนต้องเดือนร้อน ไม่มีทางออกดังกล่าวไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดวิธีแบ่งโดยรังวัดจากเหนือไปใต้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้แบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ ๗๙๙ ที่พิพาทที่เหลือจากแบ่งแยกให้นายผึ่งโจทก์ที่ ๑ไปแล้ว เหลือเท่าใดให้รังวัดแบ่งแยกจากทิศตะวันออกด้านที่จดทะเลไปทางทิศตะวันตกเป็นสองส่วนเนื้อที่เท่า ๆ กัน แล้วให้จำเลยเลือกเอาก่อน่าจะเอาส่วนใดส่วนที่เหลือให้เป็นของนางอบ โจทก์ที่ ๒