แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีเดิม จึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ที่ห้ามคู่ความเดียวกันรื้อฟ้องร้องกัน อีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญา
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ปฏิบัติผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยจะต้องจ่ายเงินค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลสำหรับราคาเนื้อน้ำมันที่สูงขึ้นเกินกว่าสิบเปอร์เซนต์หรือไม่ แต่เป็นข้อกฎหมายที่ศาลแปลวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของสัญญาได้เอง จึงได้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้ววินิจฉัยว่า ตามข้อสัญญาซื้อขายจำเลยไม่จำต้องชำระค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลสำหรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเกินกว่าสิบเปอร์เซนต์แก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายข้อ 1 โจทก์ผู้ขายและจำเลยผู้ซื้อได้ตกลงซื้อขายผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดต่าง ๆ โดยกำหนดราคากันแน่นอนว่าน้ำมันแต่ละชนิดราคาเท่าใด ซึ่งราคาซื้อขายในสัญญาข้อ 1 นี้ ตามสัญญาข้อ 2 วรรคแรกกล่าวไว้ว่า เป็นราคาที่โจทก์จำเลยคู่สัญญาได้ถือเอาราคาตลาดโลกของน้ำมันชนิดต่าง ๆ ตามประกาศของบริษัทบริติช ปิโตรเลียม ณ เมืองอะบาดาน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2507ว่ามีราคาเท่าใดมาเป็นเกณฑ์กำหนด ส่วนวรรคสองระบุว่า ราคาที่ตกลงซื้อขายกันจะเปลี่ยนแปลงตามราคาตลาดโลก ถ้าราคาตลาดโลกสูงขึ้นไม่เกินกว่าสิบเปอร์เซนต์ โจทก์ผู้ขายยินยอมไม่คิดราคาเพิ่มขึ้น แต่ถ้าราคาตลาดโลกสูงขึ้นเกินกว่าสิบเปอร์เซนต์แล้ว โจทก์จะคิดราคาเพิ่มขึ้นเฉพาะส่วนที่สูงกว่าสิบเปอร์เซนต์เท่านั้น และถ้าราคาตลาดโลกลดลงจากอัตราที่กำหนดไว้แล้ว โจทก์ยินยอมลดราคาลงให้ตามส่วนของราคาตลาดโลกที่ลดลงนั้น และสัญญาข้อ 3 ระบุว่า ราคาน้ำมันตามสัญญาข้อ 1 เป็นราคารวมทั้งภาษีทุกชนิดที่รัฐและเทศบาลเรียกเก็บกับค่าใช้จ่ายอย่างอื่นด้วย ดังนี้ ในเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าสัญญาซื้อขายน้ำมันระหว่างโจทก์กับจำเลย จำเลยผู้ซื้อไม่มีหน้าที่จะต้องชำระค่าภาษีต่าง ๆ นอกเหนือจากค่าน้ำมัน เพราะราคาซื้อขายน้ำมันที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 1 เป็นราคารวมค่าภาษีต่าง ๆ ไว้แล้ว โจทก์ผู้ขายจึงมีหน้าที่จะต้องชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเอง สำหรับราคาที่เปลี่ยนแปลงหมายความถึงราคาตลาดโลกของน้ำมันชนิดต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 2 วรรคแรกหาใช่ราคาตลาดโลกสูงขึ้นหรือลดลงจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 1 ไม่ เพราะราคาในสัญญาข้อ 1 ไม่ใช่ราคาตลาดโลก แต่เป็นราคาที่คู่สัญญาตกลงซื้อขายเป็นราคาที่รวมค่าภาษีกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว และตามสัญญาข้อ 2 วรรคสองก็ระบุไว้ชัดว่า โจทก์จะคิดราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นได้เฉพาะส่วนที่ราคาตลาดโลกสูงขึ้นกว่าสิบเปอร์เซนต์เท่านั้น หาได้มีข้อสัญญาระบุว่านอกจากค่าน้ำมันเฉพาะส่วนที่สูงขึ้นกว่าสิบเปอร์เซนต์ แล้ว จำเลยจะต้องชำระค่าภาษีในราคาน้ำมันที่โจทก์คิดเพิ่มนั้นด้วยไม่ ดังนี้ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลในราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากจำเลยไม่ได้และกรณีที่ข้อความในสัญญาซื้อขายชัดแจ้งแล้วเช่นนี้ ก็ไม่จำต้องสืบพยานประกอบเพื่อตีความถึงความประสงค์ของคู่สัญญาและปกติประเพณีอีก
พิพากษายืน