คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17502/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวผู้รับโอนทรัพย์มรดกและในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. อ้างว่าจำเลยจัดการมรดกโดยไม่ชอบเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนและให้จำเลยโอนที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกกลับคืนมาเป็นกองมรดกของ พ. เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากทายาทคนหนึ่ง จึงเป็นคดีมรดก จำเลยมีสิทธิยกอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์และบุตรทุกคนของ พ. ไม่เคยติดตามการจัดการทรัพย์มรดกของ ส. และการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 เป็นเวลา 22 ปี นับแต่ พ. ถึงแก่ความตายและเกือบ 20 ปี นับแต่วันที่ ส. โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในทรัพย์มรดกของ พ. จึงเป็นอันขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคท้าย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่ ส. โอนที่ดินให้แก่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำพิพากษาถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดก ให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 14929 กึ่งหนึ่งมาเป็นชื่อผู้จัดการมรดกของนางสุพรรณีเจ้ามรดก ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก ให้จำเลยในฐานะผู้รับโอนโอนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในส่วนของนางสุพรรณีในที่ดินโฉนดเลขที่ 18314 กลับมาเป็นชื่อนางสุพรรณีเจ้ามรดก ให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกนำเงินบัญชีทรัพย์ของมรดกที่เปิดไว้ที่ธนาคารยูโอบี รัตนสิน สาขาสุขุมวิท ประเภทฝากประจำ ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างนายสายัณห์และนางสุพรรณีมาเป็นของนางสุพรรณีกึ่งหนึ่ง ให้โอนหุ้นในบริษัทศรีสหะค้าข้าว จำกัด พร้อมอาคาร 1 หลัง มาเป็นชื่อของผู้จัดการมรดกของนางสุพรรณีกึ่งหนึ่ง พร้อมเงินปันผลและดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันได้รับเงินจนถึงวันฟ้อง ให้จำเลยทำบัญชีการจัดการทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทพร้อมนำเงินรายได้จากกองมรดกพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่การจัดการมรดกมาแต่ต้นมาวางศาลเพื่อจัดการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามส่วน และให้กำจัดจำเลยมิให้รับมรดกส่วนของนางสุพรรณี
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการแรกว่า การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสายัณห์ โดยที่นายสายัณห์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนางสุพรรณีโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 18314 ส่วนที่เป็นสินสมรสและมรดกของนางสุพรรณีให้แก่จำเลยเป็นการจัดการมรดกโดยไม่ชอบ จำเลยรับโอนไว้โดยไม่สุจริต ดังนั้นจำเลยต้องถูกกำจัดมิให้รับมรดกของนางสุพรรณี และจำเลยต้องโอนที่ดินส่วนของนางสุพรรณีกลับสู่กองมรดกของนางสุพรรณีเป็นอันขาดอายุความหรือไม่ ข้อนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากทายาท จึงเป็นคดีมรดก จำเลยมีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ คดีโจทก์ขาดอายุความ เห็นว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2529 นางสุพรรณีถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2529 ศาลมีคำสั่งตั้งนายสายัณห์เป็นผู้จัดการมรดกของนางสุพรรณี ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2531 นายสายัณห์ในฐานะผู้จัดการมรดกได้โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 18314 ในส่วนของนางสุพรรณีและส่วนของตนให้แก่จำเลย อันเป็นการจัดการมรดกของนางสุพรรณี เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวผู้รับโอนมรดกและในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสายัณห์อ้างว่าจำเลยจัดการมรดกโดยไม่ชอบเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนและให้จำเลยโอนที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกกลับคืนมาเป็นกองมรดกของนางสุพรรณี เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากทายาทคนหนึ่ง จึงเป็นคดีมรดก จำเลยมีสิทธิยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์และบุตรทุกคนของนางสุพรรณีไม่เคยติดตามการจัดการทรัพย์มรดกของนายสายัณห์เลย การที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 เป็นเวลา 22 ปี นับแต่นางสุพรรณีถึงแก่ความตายและเกือบ 20 ปี นับแต่วันที่นายสายัณห์โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในทรัพย์มรดกของนางสุพรรณีจึงเป็นอันขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคท้าย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่นายสายัณห์โอนที่ดินให้แก่จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น กรณีไม่มีประโยชน์ที่จะต้องวินิจฉัยในประเด็นอื่นอีกต่อไป
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share