คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือสัญญามีข้อความอ่านตามแบบพิมพ์เป็นสัญญากู้เงิน ถ้าอ่านตามตัวเขียนเป็นสัญญาซื้อขายมีกำหนดให้ไถ่ภายใน 1 ปี ดังนี้ คู่ความฝ่ายที่อ้างว่าเป็นสัญญาซื้อขายย่อมมีสิทธินำพยานมาสืบประกอบเพื่อให้เห็นว่าคู่สัญญามีเจตนาเป็นการขายโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนได้
ขายที่นามือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญให้เขาโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนได้ภายใน 1 ปี เมื่อมิได้ซื้อคืนตามกำหนด1 ปี เพิ่งจะมาขอคืนเมื่อเกิน 4 ปีแล้ว ถือว่ามีเจตนาสละการครอบครอง การครอบครองสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 ไม่มีสิทธิจะขอคืนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่ากู้เงินจำเลยไป 300 บาท มอบที่นาของโจทก์ให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย โจทก์ยื่นคำร้องขอขายแก่นายพรัดเป็นเงิน 3,500 บาท จำเลยคัดค้าน เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำสัญญาขายจึงขอให้พิพากษาว่านาเป็นของโจทก์ขับไล่จำเลย กับให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ขายนาพิพาทให้จำเลยแต่ พ.ศ. 2485 แต่ได้ทำหลักฐานซื้อขายเป็นสัญญากู้เงิน โดยโจทก์มอบกรรมสิทธิ์นาพิพาทให้เป็นของจำเลยตั้งแต่วันทำสัญญา

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยกับให้ใช้ค่าเสียหาย

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญากู้ฉบับพิพาท ถ้าอ่านตามแบบพิมพ์ก็เป็นสัญญากู้เงินถ้าอ่านตามตัวเขียนเป็นสัญญาซื้อขายมีกำหนดไถ่ภายใน 1 ปี พิจารณาตามเจตนา เห็นว่าเป็นการขายโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนได้ เมื่อโจทก์มิได้ซื้อคืนตามกำหนด 1 ปี เพิ่งจะมาขอคืนเมื่อเกิน 4 ปี แล้ว ที่ดินพิพาทเป็นนามือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญเมื่อโจทก์มีเจตนาสละการครอบครองย่อมสิ้นสุดลงตาม มาตรา 1377 โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลย จึงพิพากษายืน

Share