แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดิน ทางเดิน ภาระจำยอม ละเมิด ค่าสินไหมทดแทน การกำหนดค่าเสียหายที่มิใช่เปนค่าเช่าหรือดอกเบี้ย ศาลไม่กำหนดค่าเสียหายในอนาคตให้
ค่าธรรมเนียม ฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายจำนวน แต่เสียค่าธรรมเนียมเพียงบางจำนวน ศาลตัดสินให้เพียงจำนวนเท่าที่เสียค่าธรรมเนียม
ปัญหากฎหมาย ปัญหากฎหมายที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นล่างจะมายกว่าในชั้นฎีกาไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยทำนาปิดทางพิพาทซึ่งโจทก์และคนอื่น ๆ เคยใช้มากว่า ๑๔ ปีแล้ว เปนเหตุให้โจทก์นำสัตว์หรือเครื่องมือทำนาไปทำนาโจทก์ไม่ได้จึงขอให้บังคับจำเลยเปิดทาง และเรียกค่าเสียหาย
ศาลเดิมตัดสินให้จำเลยเปิดทางกับให้ใช้ค่าเสียหายทดแทนผลเมล็ดเข้าที่โจทก์ควรจะได้ปีละ ๙๐๐ บาทตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๑ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียง ๙๐๐ บาท นอกจากนี้ยืนตาม
โจทก์ฏีกาในข้อกฎหมายว่า โจทก์ควรได้ค่าเสียหายต่อจาก พ.ศ.๒๔๗๑ อีกทุก ๆ ปีจนกว่าจะเปิดทาง
ฝ่ายจำเลยฏีกาเปนปัญหากฎหมายรวมใจความ ๓ ข้อ คือ (๑) นอกจากทางพิพาทแล้-ว ยังมีทางอื่นอีกที่โจทก์สามารถไปนาโจทก์ได้ โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยเปิดทางนี้ไม่ได้ (๒) โจทก์ว่าโจทก์เคยใช้เกวียนและกระบือเดินทางนี้ แต่โจทก์สืบไม่สม ควรยกฟ้องโจทก์ (๓) ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลฏีกาเห็นว่า ตามฏีกาโจทก์ ๆ เสียค่าขึ้นศาลฉะเพาะจำนวนค่าเสียหายใน พ.ศ.๒๔๗๑ หาได้-เสียสำหรับจำนวนนอกนั้นไม่ และค่าเสียหายเช่นนี้มิใช่เปนค่าเช่าหรือดอกเบี้ย จึงวินิจฉัยให้ไม่ได้ส่วนฏีกาจำเลยข้อ ๑ และ ๓ นั้นเปนปัญหากฎหมายแต่ปัญหาข้อ ๑ มิได้ว่ากันมาในขั้นศาลล่าง จะมาล้างในขั้นนี้ไม่ได้ ส่วนข้อ ๓ นั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยปิดทาง โจทก์ได้รับความเสี-ยหาย จำเลยก็ต้องรับผิด ปัญหาข้อ ๒ เปนปัญหาข้อเท็จจริงจึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์