คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากู้หนี้ธรรมดาซึ่งข้อที่สัญญามีว่า ถ้าไม่ชำระหนี้เงินกู้ภายในกำหนด ยอมโอนที่ดินให้หลุดเป็นกรรมสิทธิแก่เจ้าหนี้ ดังนี้ เป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 656 วรรค 2.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า กู้เงินจำเลย ๓๐๐ บาท ได้มอบที่ดินพิพาทยึดไว้เป็นประกัน โดยสัญญาว่า ถ้าจำเลยไม่ชำระเงินที่กู้ภายในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๘๖ จำเลยยอมโอนที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิแก่โจทก์ครบกำหนดโจทก์ไปเตือนให้จำเลยโอนกรรมสิทธื จำเลยยอมตกลงแต่ขอผัด บัดนี้จำเลยไม่ยอมโอน จึงขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจำเลยให้การรับว่าทำสัญญาตามฟ้องจริง แต่ต่อสู้ว่าไม่ได้ตั้งใจโอนขาย เพราะเวลานั้นที่พิพาทมีราคา ๑๐๐๐ บาท ก่อนครบกำหนดจำเลยได้ไปขอชำระหนี้หลายครั้ง โจทก์ไม่ยอมบิดพริ้วต่างๆ จำเลยถือว่าโจทก์ผิดสัญญา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญากู้ตกเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่งๆ มาตรา ๖๕๖ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโดยที่ประชุมใหญ่ว่า สัญญาที่ฟ้องร้องกันเป็นสัญญากู้หนี้ธรรมดา มีข้อสัญญาว่า ถ้าจำเลยไม่ชำระหนี้เงินกู้ภายในกำหนด ยอมโอนที่ดินให้หลุดเป็นกรรมสิทธิแก่โจทก์ จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๖๕๖ วรรค ๒
พิพากษายืน.

Share