คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่มีคู่ความสามฝ่าย จำเลยร่วมให้การเป็นปรปักษ์กับจำเลย จำเลยได้ยกประเด็นที่ว่านี้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมิได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วม ศาลฎีกาจึงต้องยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมเสียก่อน แล้วให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย

จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะจำเลยออกเช็คให้แก่บริษัทโตโยต้ามอเตอร์เซลส์เป็นการชำระหนี้ค่าสินค้าต่อมาบริษัทโตโยต้า ฯ แจ้งต่อจำเลยว่าเช็คนั้นถูกลักไป จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงิน

จำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมกับคำให้การ ขอให้เรียกบริษัทโตโยต้า ฯเข้ามาเป็นคู่ความ ศาลอนุญาตให้เรียกบริษัทโตโยต้า ฯ เข้ามาเป็นจำเลยร่วม

จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยออกเช็คนี้ให้บุคคลอื่นไม่ได้ออกให้โจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรง จำเลยร่วมก็ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คนี้ และยังไม่ได้รับชำระหนี้ค่าสินค้าจากจำเลยขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยออกเช็คฉบับนี้ให้กับนายสมศักดิ์พนักงานเก็บเงินของจำเลยร่วม เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าซึ่งซื้อมาจากจำเลยร่วม นายสมศักดิ์เอาเช็คนี้ไปแลกเงินจากโจทก์โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามจำนวนในเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลชั้นต้นไม่ได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วม

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมให้การเป็นปรปักษ์กับจำเลยด้วยในระหว่างสองฝ่ายนี้ มีประเด็นว่าจำเลยร่วมได้รับชำระหนี้จากจำเลยโดยชอบแล้วหรือยัง และจำเลยได้ยกประเด็นนี้ขึ้นอุทธรณ์ด้วย การที่ศาลชั้นต้นไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 235 ศาลฎีกาจึงต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(2) และ 247

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยร่วม แล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่

Share