คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ขายนำสินค้าไปส่งมอบแก่จำเลยผู้รับขนเพื่อส่งให้โจทก์ผู้ซื้อ โจทก์เป็นผู้รับตราส่งสินค้ารายพิพาท ไม่ใช่ผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง จึงมิใช่คู่สัญญารับขน สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่สัญญารับขนจึงต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 คือเมื่อของถึงตำบลที่กำหนดให้ส่ง และโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบแล้ว แต่สินค้ารายพิพาทนี้มิได้ไปถึงตำบลที่กำหนดให้ส่ง โดยได้สูญหายไปเสียก่อนในระหว่างการขนส่ง โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งให้ส่งมอบสินค้าได้ สิทธิทั้งหลายของผู้ส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้น จึงไม่อาจจะตกไปได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่งตามมาตรา 627 โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญารับขนพิพาทได้
การส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 463 นั้น มิใช่เป็นข้อวินิจฉัยว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายโอนไปยังผู้ซื้อแล้วหรือไม่ เพราะการส่งมอบเป็นเพียงหน้าที่ประการหนึ่งของผู้ขายเท่านั้นกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกันตามมาตรา 458 และจะยกเอาบทบัญญัติเรื่องกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อแล้วหรือไม่ในลักษณะซื้อขายมาเป็นข้อวินิจฉัยสิทธิของผู้ซื้ออันเกิดแต่สัญญารับขนไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิตามสัญญาซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ต่างลักษณะกัน เมื่อเข้าลักษณะใดก็ต้องใช้กฎหมายลักษณะนั้นบังคับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2518 โจทก์สั่งซื้อเครื่องอะไหล่รถแทรกเตอร์จากบริษัทยูเทค จำกัด เป็นเงิน 49,945 บาท โดยชำระเงินไปครบแล้ว ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2519 บริษัทยูเทค จำกัด ได้ส่งเครื่องอะไหล่ไปให้โจทก์ที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับขนต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 แจ้งให้โจทก์และบริษัท ยูเทค จำกัด ทราบว่าของที่จำเลยรับขนหายไประหว่างการขนส่งของ จำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ไม่ได้รับเครื่องอะไหล่ ทั้งนี้เนื่องจากจำเลยที่ 1 และพนักงานของจำเลยที่ 1ประมาทเลินเล่อขาดความระมัดระวังเป็นเหตุให้โจทก์ไม่ได้รับเครื่องอะไหล่โจทก์ได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงิน 53,069.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7ครึ่งต่อปีถึงวันฟ้อง ขอให้ศาลพิพากษาและบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์รวม 53,954 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในต้นเงิน53,069.50 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์และบริษัทยูเทค จำกัด ไม่ใช่เจ้าของสินค้ากับไม่ใช่ผู้ส่งสินค้า จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การขนส่งสินค้าดังกล่าวเป็นการขนส่งอย่างธรรมดา โดยไม่ได้ประเมินราคาไว้ หากศาลเห็นว่าจำเลยต้องรับผิด จำเลยก็รับผิดไม่เกิน 500 บาท ตามข้อตกลงในการขนส่งที่จำเลยทำกับนายสมหมาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาอะไหล่รถแทรกเตอร์49,945 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627บัญญัติว่า “เมื่อของถึงตำบลที่กำหนดให้ส่ง และผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบแล้ว ท่านว่าแต่นั้นไปสิทธิทั้งหลายของผู้ส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นย่อมตกไปได้แก่ผู้รับตราส่ง” เห็นว่า โจทก์เป็นผู้รับตราส่งสินค้าพิพาท ไม่ใช่ผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง จึงมิใช่คู่สัญญารับขน สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่สัญญารับขน จึงต้องเป็นไปตามที่มาตรา 627 บัญญัติไว้ดังกล่าว คือ เมื่อของถึงตำบลที่กำหนดให้ส่ง และโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่งได้เรียกให้ส่งมอบแล้ว แต่สินค้ารายพิพาทนี้มิได้ไปถึงตำบลที่กำหนดให้ส่ง แต่ได้สูญหายไปเสียก่อนในระหว่างการขนส่ง โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งให้ส่งมอบสินค้าพิพาทได้ สิทธิทั้งหลายของผู้ส่ง (ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่ง) อันเกิดแต่สัญญารับขนนั้น จึงไม่อาจจะตกไปได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับตราส่งตามมาตรา 627 ดังกล่าว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญารับขนพิพาทได้ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์สั่งซื้อเครื่องอะไหล่จากนายปรีชาโดยชำระเงินแล้วนายปรีชาให้นายสมหมายนำไปให้จำเลยรับขนไปส่งแก่โจทก์ และนายสมหมายนำเครื่องอะไหล่ไปส่งมอบแก่จำเลยผู้รับขนแล้ว การส่งมอบทรัพย์ที่ซื้อจึงสำเร็จตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 463 กรรมสิทธิ์โอนไปยังโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ใช่ผู้ส่งสินค้าของโจทก์ด้วยตนเอง โจทก์ในฐานะเป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้นั้น เห็นว่า การส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายตามมาตรา 463 ดังกล่าวนั้น มิใช่เป็นข้อวินิจฉัยว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายนั้นโอนไปยังผู้ซื้อแล้วหรือไม่ เพราะการส่งมอบเป็นเพียงหน้าที่ประการหนึ่งของผู้ขายเท่านั้น กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกันตามมาตรา 458 และจะยกเอาบทบัญญัติเรื่องกรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อแล้วหรือไม่ในลักษณะซื้อขายมาเป็นข้อวินิจฉัยสิทธิของผู้ซื้ออันเกิดแต่สัญญารับขนไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิตามสัญญาซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ต่างลักษณะกัน เมื่อเข้าลักษณะใดก็ต้องใช้กฎหมายลักษณะนั้นบังคับ ในเรื่องสิทธิของผู้รับตราส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนจะมีเพียงใดนั้น จึงต้องเป็นไปตามมาตรา 627 ดังที่ได้วินิจฉัยมาข้างต้นที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญารับขนพิพาทได้ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาจำเลยในข้ออื่น ๆ ต่อไป

พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลยทั้งสองโดยกำหนดค่าทนายความให้เป็นเงิน 2,000 บาท

Share